เช็ก 9 อาการโรคซึมเศร้าเบื้องต้น คุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่?

โรคซึมเศร้าอาการ

ความรู้สึกเศร้าหรือหดหู่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในชีวิต แต่เมื่อไหร่ที่ความรู้สึกนั้นไม่จางหายไป และเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน? นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของ โรคซึมเศร้า การทำความเข้าใจและตระหนักรู้ถึงสัญญาณเตือนตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้การเข้าสู่กระบวนการรักษามีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการฟื้นฟูจิตใจให้กลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น บทความนี้คือเช็กลิสต์เบื้องต้นสำหรับคุณและคนที่คุณห่วงใย

เปิดลิสต์ 9 โรคซึมเศร้าอาการตามเกณฑ์การวินิจฉัยสากล

ในการประเมินภาวะซึมเศร้าทางการแพทย์ จิตแพทย์จะใช้เกณฑ์การวินิจฉัยสากล (เช่น DSM-5) ซึ่งประกอบด้วยอาการหลัก 9 ข้อ เพื่อประเมินว่าอาการที่เป็นอยู่นั้นเข้าข่าย โรคซึมเศร้าอาการ หรือไม่ ลองสำรวจดูว่าคุณมีอาการเหล่านี้หรือไม่

1. อารมณ์ซึมเศร้า หดหู่แทบทั้งวัน 

นี่คืออาการแกนหลักของโรค คุณจะรู้สึกเศร้าใจอย่างต่อเนื่อง หดหู่ จิตใจหม่นหมอง ว่างเปล่า หรือสิ้นหวัง ไม่ใช่แค่เศร้าเป็นพักๆ แต่เป็นความรู้สึกที่คงอยู่แทบทั้งวัน และเป็นติดต่อกันเกือบทุกวัน (ในเด็กหรือวัยรุ่น อาจแสดงออกเป็นอารมณ์หงุดหงิดหรือก้าวร้าวแทน)

2. ความสนใจหรือความสุขลดลงอย่างชัดเจน (Anhedonia) 

สิ่งที่เคยเป็นความสุข กิจกรรมที่เคยชอบทำ หรืองานอดิเรกที่เคยเพลิดเพลิน กลับกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย ไม่รู้สึกสนุกหรือมีความสุขกับมันอีกต่อไป คุณอาจเริ่มแยกตัวออกจากสังคม ไม่อยากพบปะผู้คน นี่คือหนึ่งใน อาการโรคซึมเศร้า ระยะแรก ที่ชัดเจนและพบบ่อยที่สุด

3. น้ำหนักเปลี่ยนไปอย่างมีนัยสำคัญ 

การเปลี่ยนแปลงของความอยากอาหารเป็นสัญญาณที่สังเกตได้ง่าย คุณอาจเบื่ออาหารอย่างหนักจนน้ำหนักลดลงมาก หรือในทางกลับกัน อาจรู้สึกอยากอาหารมากกว่าปกติ (โดยเฉพาะของหวานหรือแป้ง) จนน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเกณฑ์คือมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่า 5% ของน้ำหนักตัวภายใน 1 เดือน โดยที่ไม่ได้ตั้งใจลดหรือเพิ่ม

อาการโรคซึมเศร้า ระยะแรก

4. ปัญหาการนอน (นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป) 

รูปแบบการนอนที่ผิดเพี้ยนไปอย่างชัดเจน เช่น มีอาการนอนไม่หลับ (Insomnia) หลับยาก ใช้เวลานานกว่าจะหลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ กลางดึกแล้วกลับไปนอนต่อไม่ได้ หรือในทางตรงกันข้าม คือมีอาการนอนมากเกินไป (Hypersomnia) รู้สึกอยากนอนตลอดเวลา นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ

5. กระสับกระส่ายหรือเชื่องช้าลง 

อาการนี้มักถูกสังเกตเห็นโดยคนรอบข้าง คุณอาจดูกระวนกระวาย อยู่ไม่นิ่ง กระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด หรือในทางตรงข้าม คือมีภาวะเชื่องช้าลง (Psychomotor Retardation) พูดช้าลง คิดช้า ทำอะไรช้าลงกว่าปกติอย่างชัดเจน จนคนอื่นทัก

6. อ่อนเพลีย ไร้เรี่ยวแรง 

รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างรุนแรง สูญเสียพลังงาน แม้จะไม่ได้ทำกิจกรรมที่หนักหนา รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไร แม้แต่การลุกไปอาบน้ำ แปรงฟัน หรือจัดการกิจวัตรประจำวันเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก

7. รู้สึกไร้ค่าหรือรู้สึกผิดอย่างไม่สมเหตุสมผล 

การมองโลกในแง่ลบจะส่งผลต่อการรับรู้คุณค่าในตัวเอง คุณจะเริ่มตำหนิและโทษตัวเองในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น รู้สึกว่าตัวเองเป็นภาระ ไม่ดีพอ ล้มเหลว หรือรู้สึกผิดในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในอดีต ซึ่งมักเป็นความรู้สึกผิดที่รุนแรงและไม่สมเหตุสมผล

8. สมาธิและความสามารถในการคิดลดลง 

สมองตื้อ คิดอะไรไม่ออก มีปัญหาในการจดจ่อกับสิ่งที่ทำ หลงลืมง่าย หรือลังเล ตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้ยากขึ้น แม้จะเป็นเรื่องที่เคยตัดสินใจได้ง่ายๆ ก็ตาม อาการนี้ส่งผลกระทบต่อการเรียนและการทำงานโดยตรง

9. คิดเรื่องการตายหรือการฆ่าตัวตาย 

นี่คือสัญญาณที่อันตรายที่สุดและต้องได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน ผู้ป่วยอาจมีความคิดวนเวียนเกี่ยวกับการตาย คิดว่าการตายไปคงจะดีกว่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ไปจนถึงการวางแผน หรือพยายามฆ่าตัวตาย (หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการในข้อนี้ แม้เพียงข้อเดียว ควรรีบขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือสายด่วนสุขภาพจิตโดยทันที)

โรคซึมเศร้า

มีกี่ข้อถึงเข้าข่ายโรคซึมเศร้า?

โดยทั่วไป ตามเกณฑ์การวินิจฉัย โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder) จะพิจารณาจากการมี โรคซึมเศร้าอาการ ตั้งแต่ 5 ข้อขึ้นไป (โดยต้องมีข้อ 1 คือ อารมณ์เศร้า หรือข้อ 2 คือ เบื่อหน่าย เป็นอาการหลักอย่างน้อย 1 ข้อ) และอาการเหล่านี้ต้องคงอยู่นานติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือความสัมพันธ์อย่างชัดเจน

ขอย้ำว่า นี่เป็นเพียงเกณฑ์เบื้องต้นเพื่อการสังเกตตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนการวินิจฉัยจากผู้เชี่ยวชาญได้

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า

1. ความเศร้าปกติ กับ โรคซึมเศร้า ต่างกันอย่างไร? 

ความเศร้าปกติมักมีสาเหตุชัดเจนและจะค่อยๆ จางหายไปตามเวลา แต่ โรคซึมเศร้า คือภาวะป่วยที่อาการ (เช่น เศร้า, เบื่อหน่าย, สิ้นหวัง) คงอยู่นานต่อเนื่องอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน โดยอาจไม่มีสาเหตุภายนอกกระตุ้นก็ได้

2. จำเป็นต้องหาหมอหรือไม่ หากมีอาการเข้าข่าย? 

ใช่ หากคุณมีอาการเข้าข่าย 5 ข้อขึ้นไป นาน 2 สัปดาห์ และอาการเหล่านั้นรบกวนชีวิตประจำวัน การปรึกษาจิตแพทย์หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและวางแผนการรักษา โรคซึมเศร้า สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้

3. “อาการโรคซึมเศร้า ระยะแรก” ที่ควรสังเกตมากที่สุดคืออะไร? 

อาการหลัก 2 ข้อแรก (อารมณ์เศร้าต่อเนื่อง และ การสูญเสียความสุขในสิ่งที่เคยชอบ) ถือเป็นสัญญาณที่สำคัญที่สุด หากคุณมีอาการ 2 ข้อนี้เป็นหลัก แม้ยังมีอาการอื่นไม่ครบ ก็ควรเริ่มสังเกตตัวเองอย่างใกล้ชิดและพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

การมี อาการโรคซึมเศร้า ระยะแรก เพียง 1-2 ข้อ อาจเป็นเพียงภาวะอารมณ์ชั่วคราวที่เกิดขึ้นได้ แต่หากคุณสำรวจตัวเองแล้วพบว่ามีอาการหลายข้อเกิดขึ้นพร้อมกันและต่อเนื่องเป็นเวลานาน นั่นคือสัญญาณเตือนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ต้องบอกว่าบทความนี้เป็นเพียงเครื่องมือช่วยสำรวจตัวเองเบื้องต้น หากคุณพบว่าตนเองมีอาการเข้าข่ายหลายข้อและมันเริ่มรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์หรือจิตแพทย์ เพื่อรับการประเมินและการวินิจฉัยที่ถูกต้อง การขอความช่วยเหลือคือความกล้าหาญและเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการดูแลจิตใจของคุณให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

 

ติดตามบทความดี ๆ โดยนักสุขภาพจิตและนักจิตวิทยาคลินิก Mental Well Clinic ได้ที่นี่ 

Mental Well Clinic คลินิกสุขภาพใจ พื้นที่ปลอดภัยของคนทุกช่วงวัย ดูแลจิตใจคุณและคนที่คุณรัก โดย ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพใจ แพทย์ นักจิตบำบัด นักศิลปะบำบัด นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตวิทยาพัฒนาการ

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ และนัดเวลาเข้ามาปรึกษานักสุขภาพจิตได้ที่

Facebook : Mental Well Clinic
Tel : 091-599-3905
Line : @mentalwell.clinic

บทความเพิ่มเติม