แค่ไหนเรียก เครียดสะสม? สัญญาณและอาการที่ต้องปรึกษาจิตแพทย์

เครียดสะสม

คุณเคยรู้สึกไหมว่าความเครียดที่เจอทุกวันมันไม่เคยหายไปไหน? ไม่ว่าจะเป็นความกดดันจากเรื่องงานที่ถาโถม การดิ้นรนเรื่องการเงิน หรือปัญหาความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด ความเครียดเหล่านี้ดูเหมือนจะอยู่กับเราแทบตลอดเวลา จนบางครั้งเราอาจสงสัยว่า จากความเครียดธรรมดา มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณไปแล้วหรือยัง?

ความเครียดไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเสมอไป มันเป็นกลไกธรรมชาติที่ช่วยให้เราตื่นตัวและรับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ปัญหามันเกิดขึ้นเมื่อสวิตช์ความเครียดนั้น “ค้าง” และไม่ยอมปิดลง บทความนี้ ในฐานะจิตแพทย์ จะพาคุณไปสำรวจว่าเส้นแบ่งระหว่าง “ความเครียดทั่วไป” ที่เกิดขึ้นชั่วคราว กับภาวะ เครียดสะสม ที่เป็นภัยเงียบทำลายสุขภาพนั้นอยู่ตรงไหน และเมื่อไหร่คือสัญญาณที่คุณควรพิจารณา ปรึกษาจิตแพทย์

ระหว่าง เครียดทั่วไป กับ เครียดสะสม คุณกำลังเผชิญกับอะไร?

ก่อนอื่น เราต้องแยกแยะระหว่างความเครียดสองรูปแบบนี้ให้ชัดเจน

ความเครียดทั่วไป (Acute Stress) 

นี่คือปฏิกิริยา “สู้หรือหนี” (Fight-or-Flight Response) ของร่างกายตามธรรมชาติ เมื่อเราต้องเจอกับเหตุการณ์ท้าทายหรือตื่นเต้นเฉพาะหน้า เช่น การต้องพรีเซนต์งานสำคัญ การสอบ หรือการขับรถในสถานการณ์คับขัน เมื่อเหตุการณ์นั้นจบลง ร่างกายและจิตใจจะค่อยๆ กลับเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายปกติ ความเครียดลักษณะนี้เกิดขึ้นเร็วและหายเร็ว ถือเป็นเรื่องปกติของชีวิต

ภาวะเครียดสะสม (Chronic Stress) 

ในทางกลับกัน ภาวะ เครียดสะสม คือสภาวะที่ร่างกายของคุณติดอยู่ในโหมด “สู้หรือหนี” แทบตลอดเวลา แม้ว่าจะไม่มีเหตุการณ์กดดันชัดเจนอยู่ตรงหน้าก็ตาม มันคือความเครียดที่คงอยู่ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรืออาจจะนานเป็นปี ความรู้สึกกดดันนี้ไม่เคยจางหายไป และเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สุขภาพกาย และสุขภาพใจอย่างชัดเจน

เครียดสะสม

Check List สัญญาณ เครียดสะสม อาการที่ต้องรีบสังเกต

ภาวะเครียดสะสม มักส่งสัญญาณเตือนผ่านร่างกาย จิตใจ และพฤติกรรมของเรา ซึ่งอาการเหล่านี้มักถูกมองข้ามได้ง่าย ลองมาสำรวจเช็กลิสต์ เครียดสะสม อาการ เหล่านี้ ว่าคุณกำลังเผชิญอยู่หรือไม่

อาการทางร่างกาย 

ร่างกายคือด่านแรกที่แสดงออกเมื่อจิตใจแบกรับไม่ไหว คุณอาจมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง หรือปวดไมเกรนบ่อยขึ้น มีอาการปวดตึงกล้ามเนื้อบริเวณ คอ บ่า ไหล่ หรือหลัง โดยที่ไม่ได้ไปยกของหนัก หลายคนรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าตลอดเวลา แม้ว่าจะนอนพักผ่อนเพียงพอแล้วก็ตาม ปัญหาการนอนถือเป็นอาการสำคัญ ทั้งการนอนไม่หลับ หลับยาก หรือหลับๆ ตื่นๆ กลางดึกแล้วนอนต่อไม่ได้ นอกจากนี้ ระบบย่อยอาหารอาจเริ่มรวน เช่น ท้องผูกสลับท้องเสีย ปวดท้องจากโรคกระเพาะอาหาร หรือกรดไหลย้อน บางรายอาจมีอาการใจสั่น และความดันโลหิตสูงขึ้น

อาการทางอารมณ์และจิตใจ 

ในด้านอารมณ์ คุณจะสังเกตได้ว่าตัวเองกลายเป็นคนหงุดหงิดง่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อารมณ์แปรปรวน ควบคุมอารมณ์ได้ยากขึ้น รู้สึกวิตกกังวลอยู่เสมอ แม้ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเริ่มมองโลกในแง่ร้ายไปเสียหมด ความรู้สึกซึมเศร้า ท้อแท้ สิ้นหวัง หรือรู้สึกโดดเดี่ยวเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจ ในด้านความคิด สมาธิและความสามารถในการจดจ่อจะลดลงชัดเจน ทำให้หลงลืมง่าย หรือตัดสินใจเรื่องต่างๆ ผิดพลาดบ่อยครั้ง

อาการทางพฤติกรรม 

เมื่อร่างกายและจิตใจถูกกดดัน พฤติกรรมก็จะเปลี่ยนไป คุณอาจมีพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไปชัดเจน เช่น กินจุบจิบ หรือกินมากเกินปกติเพื่อระบายความเครียด หรือในทางกลับกัน ก็อาจเบื่ออาหารจนกินได้น้อยลง เริ่มแยกตัวออกจากสังคม ไม่อยากพบปะเพื่อนฝูงหรือครอบครัวเหมือนเคย และที่ชัดเจนที่สุดคือ ประสิทธิภาพในการทำงานหรือการเรียนลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ทำไมถึงไม่ควรปล่อยภาวะเครียดสะสมไว้?

การปล่อยให้ภาวะ เครียดสะสม คงอยู่นานโดยไม่จัดการ ไม่เพียงแต่บั่นทอนคุณภาพชีวิตในปัจจุบัน แต่ยังส่งผลเสียร้ายแรงในระยะยาว

ในด้านสุขภาพกาย ฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) ที่หลั่งออกมาตลอดเวลา จะเพิ่มความเสี่ยงโดยตรงต่อโรคร้ายแรง ทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังกดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงและเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น

ในด้านสุขภาพจิต ภาวะ เครียดสะสม ถือเป็นประตูบานแรกที่เปิดทางไปสู่ภาวะทางจิตเวชอื่นๆ ที่รุนแรงกว่า ไม่ว่าจะเป็นโรควิตกกังวล (Anxiety Disorder) ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) และที่พบบ่อยที่สุดคือ โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder)

คำถามที่พบบ่อย

1. เครียดสะสม ต่างจากเครียดธรรมดาอย่างไร? 

ความเครียดธรรมดา (Acute Stress) เกิดขึ้นชั่วคราว ตอบสนองต่อเหตุการณ์เฉพาะหน้า และจะหายไปเมื่อเหตุการณ์นั้นจบลง แต่ เครียดสะสม (Chronic Stress) คือภาวะที่ความเครียดคงอยู่ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน แม้ไม่มีตัวกระตุ้นชัดเจน และส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจอย่างเรื้อรัง

2. ควรไปปรึกษาจิตแพทย์เมื่อไหร่? 

คุณควร ปรึกษาจิตแพทย์ เมื่อพบว่า เครียดสะสม อาการ ต่างๆ (เช่น นอนไม่หลับ ปวดหัว หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ) เป็นต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์, เมื่ออาการเหล่านั้นเริ่มส่งผลกระทบต่อการทำงาน ความสัมพันธ์ หรือการใช้ชีวิต และเมื่อพยายามจัดการด้วยวิธีผ่อนคลายต่างๆ แล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น

3. จิตแพทย์รักษาภาวะเครียดสะสมอย่างไร? 

การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงและอาการของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปจิตแพทย์จะประเมินหาสาเหตุ อาจมีการทำจิตบำบัด (Psychotherapy) เพื่อช่วยปรับมุมมองความคิดและสอนทักษะการรับมือกับความเครียด แนะนำการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต หรือในบางกรณีที่จำเป็น อาจมีการใช้ยาเพื่อช่วยบรรเทาอาการที่รุนแรง เช่น อาการนอนไม่หลับ หรือความวิตกกังวล เพื่อให้จิตใจพร้อมรับการบำบัดอื่นๆ ต่อไป

เครียดสะสม อาการ

สรุป

ภาวะเครียดสะสม ไม่ใช่แค่ความรู้สึกไม่สบายใจชั่วคราว แต่มันคือภาวะทางการแพทย์ที่ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อทุกระบบในร่างกาย การตระหนักรู้และยอมรับว่า เครียดสะสม อาการ ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหา คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการกลับมาดูแลตัวเอง

หากคุณสำรวจตัวเองจากเช็กลิสต์ข้างต้นแล้วพบว่ามีอาการเหล่านั้นหลายข้อเกิดขึ้นพร้อมกัน และเป็นมาอย่างต่อเนื่องจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การพยายามจัดการด้วยตัวเองอาจไม่เพียงพออีกต่อไป อย่าปล่อยให้มันทำร้ายสุขภาพของคุณไปมากกว่านี้

การ ปรึกษาจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา คือทางออกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สุด ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นการดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยประเมินอาการ หาสาเหตุ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการทำจิตบำบัดเพื่อปรับเปลี่ยนความคิดและเรียนรู้ทักษะการจัดการความเครียด (Coping Skills) หรือการใช้ยาเพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมองในกรณีที่จำเป็น เพื่อให้คุณสามารถหยุดวงจรความเครียดนี้ และฟื้นฟูสุขภาพใจให้กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง

ติดตามบทความดี ๆ โดยนักสุขภาพจิตและนักจิตวิทยาคลินิก Mental Well Clinic ได้ที่นี่ 

Mental Well Clinic คลินิกสุขภาพใจ พื้นที่ปลอดภัยของคนทุกช่วงวัย ดูแลจิตใจคุณและคนที่คุณรัก โดย ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพใจ แพทย์ นักจิตบำบัด นักศิลปะบำบัด นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตวิทยาพัฒนาการ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่ และนัดเวลาเข้ามาปรึกษานักสุขภาพจิตได้ที่

Facebook : Mental Well Clinic
Tel : 091-599-3905
Line : @mentalwell.clinic

บทความเพิ่มเติม