กลัวเสียงดัง สะดุ้งง่าย เพราะสมองอาจไม่รู้ว่าปลอดภัยแล้ว

กลัวเสียงดัง

กลัวเสียงดัง ทั้งสะดุ้งง่าย เพียงแค่ได้ยินแค่เสียงเคาะประตูเบาๆ หรือเสียงฝีเท้าคนเดินผ่าน ก็รู้สึกใจเต้นแรง หวิวในอก หรือสะดุ้งเหมือนมีใครกำลังจะเข้ามาทำร้ายคุณอีกครั้ง ทั้งที่รู้ดีว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์อันตรายเลยหากคุณหรือคนที่คุณรักมีอาการกลัวเสียงดัง สะดุ้งง่าย หรือใจสั่นกับเสียงที่ดู “ธรรมดา” สำหรับคนอื่น นี่อาจไม่ใช่แค่นิสัยขี้ตกใจ แต่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของระบบประสาทและจิตใจที่ซับซ้อน และที่สำคัญ — อาการเหล่านี้สามารถเข้าใจได้ รักษาได้ และฟื้นฟูได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

กลัวเสียงดัง

บทความนี้จะพาคุณเข้าใจว่า ทำไมสมองถึงยังคิดว่า “ไม่ปลอดภัย” เวลามีเสียงดัง และอาการนี้เกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในอดีตอย่างไร พร้อมทั้งแนวทางดูแลตัวเองและทางเลือกในการรักษาที่ปลอดภัยและอ่อนโยน

กลัวเสียงดัง กับการกระตุ้นระบบประสาท : ร่างกายไม่ลืม “ภัยคุกคาม”

ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) มีบทบาทในการตอบสนองต่ออันตรายแบบทันทีทันใด ร่างกายของเรามีระบบที่เรียกว่า “fight-flight-freeze” คือ การสู้ หนี หรือชะงัก เพื่อเอาตัวรอดจากสถานการณ์คุกคาม

กลัวเสียงดัง

สำหรับบางคน เสียงดังอาจเคยเป็นสัญญาณของอันตรายในอดีต เช่น

  • เคยถูกตะคอกหรือตะโกนใส่
  • ถูกทำร้ายเมื่อมีเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้
  • เติบโตในบ้านที่มีการใช้เสียงเป็นเครื่องมือควบคุม เช่น การข่มขู่ ทุบโต๊ะ ปิดประตูเสียงดัง

เมื่อสมองเชื่อมโยงเสียงเหล่านั้นกับอันตราย แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่ระบบประสาทจะยัง “เตรียมพร้อมรับภัย” เสมอ แม้เหตุการณ์อันตรายนั้นจะไม่มีอยู่จริงแล้ว

สมองและความทรงจำของภัย : ทำไมถึงลืมไม่ได้

เวลาที่เราเจอเหตุการณ์รุนแรง หรือบาดแผลทางจิตใจ (trauma) ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ การถูกทำร้าย หรือประสบการณ์ที่สร้างความตกใจอย่างรุนแรง สมองของเราจะจดจำเหตุการณ์เหล่านั้นไว้อย่างแม่นยำกว่าปกติ เพราะระบบการเอาตัวรอด (survival system) ถูกกระตุ้นขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานร่วมกันของโครงสร้างสมองสำคัญ 3 ส่วน ได้แก่

สะดุ้งง่าย

1. Amygdala – ศูนย์เตือนภัยของสมอง

  • ทำหน้าที่ตรวจจับอันตรายและกระตุ้นอารมณ์กลัว ความวิตกกังวล หรือความรู้สึกไม่ปลอดภัย

  • เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง Amygdala จะ “เปิดโหมดเตือนภัย” โดยอัตโนมัติ และสร้างความทรงจำที่มีอารมณ์ร่วมสูง ทำให้ความทรงจำนั้นฝังแน่นอยู่ในสมอง

  • นี่คือเหตุผลว่าทำไมบางคนถึง รู้สึกตกใจหรือหวาดกลัวทันทีที่เห็นสิ่งกระตุ้นเล็กน้อย เช่น เสียงดัง หรือกลิ่นที่คล้ายกับตอนเกิดเหตุการณ์

2. Hippocampus – ผู้จัดเก็บความทรงจำและบริบท

  • มีหน้าที่ช่วย “วางกรอบ” ความทรงจำ เช่น เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไหร่ กับใคร

  • แต่ในภาวะที่สมองถูกรบกวนด้วยความเครียดสูงหรือความกลัวรุนแรง การทำงานของ Hippocampus จะถูกรบกวน ทำให้ความทรงจำเกี่ยวกับบริบท “สับสนหรือขาดหายไป”

  • คนที่เจอ trauma จึงอาจจำเหตุการณ์ได้ แต่ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่ามันเกิดขึ้นในอดีตหรือปัจจุบัน ทำให้มี flashback หรือรู้สึกเหมือนเหตุการณ์กำลังเกิดขึ้นซ้ำ

3. Prefrontal Cortex – ตัวกรองเหตุผลและความปลอดภัย

  • ส่วนนี้ทำหน้าที่คล้าย “ผู้ตัดสินใจ” และ “ผู้ประเมินความเสี่ยง”

  • ในสถานการณ์ปกติ Prefrontal Cortex จะบอกกับเราว่า “เรื่องนั้นมันจบไปแล้ว” หรือ “ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”

  • แต่เมื่อสมองอยู่ในภาวะความเครียดสะสม หรือเจอ trauma บ่อยๆ การทำงานของส่วนนี้จะลดลง สมองจึงไม่สามารถ “ปิดระบบเตือนภัย” ได้ ทำให้ยังรู้สึกไม่ปลอดภัยแม้สถานการณ์จะสงบลงแล้ว

กลัวเสียงดัง สะดุ้งง่าย ใจเต้นแรง – อาการที่พบได้หลายกลุ่ม

หลายคนอาจรู้สึกว่า เสียงดังเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ใจสั่น ตกใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย และบางครั้งก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนั้น แม้ไม่มีสิ่งคุกคามชัดเจนอยู่ตรงหน้า อาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดจาก “ความอ่อนไหวเกินไป” หรือ “คิดมาก” แต่เป็นผลจากการที่ระบบประสาทของเรายังอยู่ในโหมดระวังภัย หรือที่เรียกว่า Hyperarousal ซึ่งพบได้ในหลายกลุ่ม ดังนี้

1. ผู้ที่มีประสบการณ์เจ็บปวดในวัยเด็ก (Childhood Trauma)

  • การเติบโตในบ้านที่มีความรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นคำพูด เสียง หรือการกระทำที่คุกคาม

  • ทำให้สมองเรียนรู้ว่า “เสียงดัง = อันตราย” ตั้งแต่ยังเด็ก

  • เมื่อโตขึ้น แม้จะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว แต่สมองส่วน Amygdala ซึ่งควบคุมความกลัว อาจยังคงตอบสนองต่อเสียงดังเหมือนตอนเด็ก ทำให้สะดุ้งง่ายและใจเต้นแรงแม้ไม่มีภัยจริง

2. ผู้ที่ผ่านเหตุการณ์กระทบกระเทือนใจ หรือมี PTSD

  • เช่น อุบัติเหตุรุนแรง การถูกทำร้าย หรือเหตุการณ์ที่มีเสียงดังและรู้สึกเหมือนชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย

  • สมองอาจ “จำเสียง” หรือสิ่งเร้าต่าง ๆ ว่าเป็นสัญญาณของภัย ทำให้มีอาการตอบสนองเกินจริงเมื่อได้ยินเสียงคล้ายเดิม เช่น เสียงรถเบรก เสียงประตูปิดดัง หรือแม้แต่เสียงคนตะโกน

3. ผู้ที่ระบบประสาทไวต่อสิ่งเร้า (Highly Sensitive Person – HSP)

  • โดยธรรมชาติแล้ว คนกลุ่มนี้มีระบบประสาทที่รับรู้สิ่งรอบตัวได้มากกว่าคนทั่วไป

  • พวกเขาอาจไม่ได้มีบาดแผลทางจิตใจโดยตรง แต่ความไวต่อเสียง แสง หรือกลิ่นทำให้สะดุ้งง่ายหรือรู้สึกเหนื่อยจากสิ่งกระตุ้นภายนอก

4. ผู้ที่มีภาวะเครียดเรื้อรัง หรือวิตกกังวลสูง (Anxiety Disorders / Panic Disorder)

  • เมื่อร่างกายและสมองต้องอยู่กับความเครียดสะสมตลอดเวลา ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) โดยเฉพาะส่วนที่ควบคุมการ “หนีหรือสู้” (fight or flight) จะไวผิดปกติ

  • ทำให้เสียงหรือการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย กลายเป็น “ภัย” ที่สมองต้องตอบสนองทันที เช่น ใจเต้นเร็ว เหงื่อออก รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก หรือจะเป็นลม

กลัวเสียงดัง

อาการที่มักพบร่วมกัน

  • สะดุ้งง่ายเวลาได้ยินเสียงเรียก เสียงปิดประตู หรือเสียงฝีเท้า
  • ใจสั่น วูบ หรือหน้ามืดเมื่อต้องเจอเสียงไม่คาดคิด
  • หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีเสียงดัง เช่น ร้านอาหาร ห้าง สถานที่คนพลุกพล่าน
  • มี flashback หรือความทรงจำย้อนกลับเวลาเจอเสียงคล้ายในอดีต

ทำไมถึง “สะดุ้ง” ง่าย?

เพราะสมองเข้าใจว่า “ต้องเอาตัวรอดไว้ก่อน” การตอบสนองแบบนี้คือกลไกดั้งเดิมที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยของเรา แต่เมื่อมันทำงานหนักเกินไปในโลกที่ไม่ได้อันตรายตลอดเวลา ก็อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิต เช่น

  • หลีกเลี่ยงสังคมหรือสถานที่เสียงดัง

  • นอนไม่หลับเพราะสะดุ้งง่าย

  • เครียดและเหนื่อยล้าโดยไม่รู้สาเหตุ

  • รู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่อมีสิ่งกระตุ้น

กลัว

วิธีรับมือและเยียวยา

  1. ฝึกระบบประสาทให้กลับสู่สมดุล
    เช่น การฝึกหายใจลึก ๆ, Grounding techniques, หรือการทำสมาธิสั้น ๆ ช่วยให้ร่างกายรู้ว่า “ปลอดภัยแล้ว”

  2. เข้าใจและยอมรับร่างกายของตนเอง
    การไม่ตำหนิตัวเองว่า “อ่อนไหวไป” แต่หันมาเข้าใจว่า “นี่คือสิ่งที่สมองกำลังพยายามปกป้องเรา”

  3. ขอรับการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใจ
    เช่น นักจิตวิทยาคลินิก นักบำบัด หรือจิตแพทย์ โดยเฉพาะในกรณีที่อาการรบกวนการใช้ชีวิต

  4. การทำบำบัดเฉพาะทาง
    เช่น EMDR, Somatic Therapy, หรือการบำบัดแบบ Trauma-informed ที่ช่วยปลดล็อกความทรงจำและฟื้นฟูระบบประสาทจากภายใน

อาการสะดุ้งง่าย ใจเต้นแรง หรือกลัวเสียงดัง ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยหรือเรื่อง “คิดมาก” แต่เป็นเสียงจากระบบประสาทที่บอกว่า “ยังรู้สึกไม่ปลอดภัย” การรับรู้ เข้าใจ และดูแลอาการนี้อย่างถูกวิธี คือก้าวแรกของการเยียวยาที่แท้จริง

 

ทำไมต้องเลือก Mental Well Clinic

ที่ Mental Well Clinic เรามีบริการ Private Counseling ให้คำปรึกษาส่วนตัว ที่ช่วยให้คุณได้พูดคุยอย่างปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัว เพื่อแก้ไขปัญหาทางจิตใจ หากคุณกำลังเผชิญกับความเครียดที่เกิดจากวามวิตกกังวลต่างๆ Mental Well Clinic ยินดีที่จะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและสมดุลอีกครั้ง

ติดต่อเรา วันนี้เพื่อเริ่มต้นการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตและค้นพบวิธีการใหม่ๆ ที่เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ

contact us

บทความเพิ่มเติม