เศร้าหนัก หลังเลิกกับแฟน จัดการอย่างไรดี ?

เศร้าหนัก

การเลิกรา จนเกิดความรู้สึก เศร้าหนัก อาจเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะเมื่อเรายังคงมีความรู้สึกผูกพันกับคนรักเดิม ความเศร้าโศกที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่ความรู้สึก แต่ยังส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ อาจทำให้รู้สึกหมดพลัง ไม่มีแรงจูงใจ หรือแม้กระทั่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนอาจเผชิญกับอารมณ์แปรปรวน ตั้งคำถามกับตัวเอง หรือรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หากคุณกำลังเผชิญกับความรู้สึกเหล่านี้ ขอให้รู้ว่าคุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง และมีวิธีที่สามารถช่วยให้คุณก้าวผ่านช่วงเวลานี้ได้อย่างเข้มแข็ง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าทำไมการเลิกราถึงส่งผลกระทบต่อจิตใจ พร้อมแนะนำวิธีรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยให้คุณกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง

เศร้าหนัก

ทำไมเราถึงมีความรู้สึก เศร้าหนัก หลังเลิกกับแฟน ?

การเลิกราไม่ใช่แค่เพียงเปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ แต่เป็นการสูญเสียบางสิ่งที่เคยเป็นส่วนสำคัญในชีวิต สมองของเราประมวลผลการเลิกราคล้ายกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เราเกิดความเศร้า ความสับสน และอารมณ์เชิงลบอื่นๆ ได้อย่างรุนแรง

ผลกระทบต่อจิตใจของการเลิกรา เมื่อความสัมพันธ์สิ้นสุดลง สมองจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยอารมณ์ที่หนักหน่วง ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกต่างๆ เช่น

  • ความเศร้าและความว่างเปล่า – รู้สึกเหมือนสูญเสียส่วนหนึ่งของตัวเองหรือสิ่งสำคัญในชีวิต การใช้เวลาร่วมกัน การมีคนคอยสนับสนุน หรือแม้แต่กิจวัตรประจำวันที่เคยทำด้วยกันหายไป ทำให้เกิดช่องว่างทางอารมณ์

  • ความวิตกกังวล – หลายคนอาจเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคต รู้สึกไม่มั่นคง หรือกลัวว่าจะไม่มีใครรักอีก ความไม่แน่นอนนี้อาจทำให้เกิดความเครียด และส่งผลต่อการตัดสินใจหรือมุมมองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคต

  • ภาวะซึมเศร้า – อารมณ์ตกต่ำ ไม่อยากทำอะไร ไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิตประจำวัน บางคนอาจรู้สึกหมดหวังหรือมองว่าชีวิตไม่มีความหมายเหมือนเดิม

การเลิกรา กับผลกระทบต่อสมองและร่างกาย

การเลิกราไม่เพียงส่งผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจเท่านั้น แต่ยังมีผลโดยตรงต่อสมองและร่างกายของเรา ทำให้เรารู้สึกอ่อนล้า หมดพลัง และอาจเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น นี่เป็นเพราะกระบวนการตอบสนองของสมองและระบบประสาทที่เชื่อมโยงกับความเครียดและความเศร้า

เศร้าหนัก

ทำไมร่างกายเรารู้สึกอ่อนล้าและหมดพลังเมื่อ เศร้าหนัก?

เมื่อเผชิญกับการเลิกรา สมองจะรับรู้ว่านี่คือเหตุการณ์ที่สร้างความทุกข์อย่างรุนแรง และจะกระตุ้น “ระบบตอบสนองต่อความเครียด” (stress response system) โดยมีผลกระทบดังนี้:

  • ระดับคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) เพิ่มขึ้น – ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลและอะดรีนาลีนมากขึ้น ทำให้เกิดอาการตึงเครียด หัวใจเต้นเร็ว และนอนไม่หลับ เมื่อฮอร์โมนนี้คงอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน จะทำให้ร่างกายอ่อนล้าและหมดพลัง

  • โดพามีนและออกซิโทซินลดลง – การอยู่ในความสัมพันธ์ทำให้สมองหลั่งสารเคมีที่ทำให้เรารู้สึกดี เช่น โดพามีน (Dopamine) และ ออกซิโทซิน (Oxytocin) แต่เมื่อความสัมพันธ์จบลง ระดับของสารเหล่านี้จะลดลง ส่งผลให้เรารู้สึกหดหู่ เหงา และไร้เรี่ยวแรง

  • สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดถูกกระตุ้น – งานวิจัยพบว่าการเลิกราสามารถกระตุ้นสมองบริเวณเดียวกับที่ตอบสนองต่อ ความเจ็บปวดทางกายภาพ ทำให้เรารู้สึกปวดหัว ปวดเมื่อยตัว หรือรู้สึกหนักในหน้าอกเหมือนถูกกดทับ

ผลกระทบของความเครียดที่มีต่อภูมิคุ้มกัน และสภาพจิตใจ

  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง – เมื่อร่างกายเผชิญกับความเครียดเป็นเวลานาน ระบบภูมิคุ้มกันจะถูกกดทำให้ร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้น้อยลง เป็นเหตุผลที่หลายคนมักป่วยง่ายขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ

  • ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจเพิ่มขึ้น – ความเครียดเรื้อรังสามารถเพิ่มความดันโลหิตและระดับของ ฮอร์โมนอะดรีนาลีน ซึ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น หากเกิดขึ้นต่อเนื่องอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองตีบ

  • ระบบย่อยอาหารถูกรบกวน – ฮอร์โมนความเครียดสามารถส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้บางคนมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ หรือเบื่ออาหาร ในขณะที่บางคนอาจหันไปกินอาหารมากเกินไปเพื่อลดความเครียด

เพราะอะไรบางคน ถึงมีความเศร้านานกว่าคนอื่นๆ

การเลิกราเป็นประสบการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างลึกซึ้ง แต่ไม่ทุกรายที่ประสบกับการเลิกราจะใช้เวลาฟื้นตัวในระยะเวลาเท่ากัน ความแตกต่างนี้สามารถอธิบายได้จากหลายปัจจัย รวมถึงบุคลิกภาพ วิธีการจัดการกับอารมณ์ และประสบการณ์ในอดีตที่มีผลต่อการรับมือกับความเจ็บปวด

เศร้าหนัก

ความแตกต่างของบุคลิกภาพและวิธีจัดการอารมณ์

แต่ละคนมีวิธีการจัดการกับอารมณ์ที่แตกต่างกัน บางคนอาจสามารถยอมรับความรู้สึกเศร้าได้เร็วและหาทางฟื้นตัวได้ดี ส่วนบางคนอาจติดอยู่ในความเศร้าและอารมณ์ลบเป็นเวลานาน การตอบสนองต่อความรู้สึกเศร้าหลังการเลิกราเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่างๆ เช่น

  • บุคลิกภาพ: คนที่มีลักษณะบุคลิกภาพที่ชอบวิตกกังวลหรือคิดมาก (เช่น ผู้ที่มีแนวโน้มเป็น Introverts) อาจรู้สึกเศร้าหรือวิตกกังวลมากกว่าคนที่มีลักษณะบุคลิกภาพที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้าง (เช่น Extroverts) ซึ่งอาจช่วยให้พวกเขาฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนอื่น

  • วิธีจัดการกับอารมณ์: การมี ทักษะในการจัดการกับอารมณ์ ที่ดี เช่น การรู้จักรับมือกับความเครียดอย่างเหมาะสม หรือการหาทางออกที่ดีในการบำบัดอารมณ์ จะช่วยให้การฟื้นตัวหลังการเลิกรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่บางคนอาจเลือกที่จะเก็บอารมณ์ไว้กับตัวเอง ทำให้ความเศร้ายืดเยื้อ

คนที่มีภาวะซึมเศร้าอยู่แล้ว อาจใช้เวลานานในการฟื้นตัวกว่าคนทั่วไป

หากคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนมี ภาวะซึมเศร้า อยู่ก่อนแล้ว การเลิกราครั้งนี้อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ภาวะซึมเศร้าแย่ลง และทำให้ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัวจากอารมณ์เศร้า เนื่องจาก

  • ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง คนที่มีประวัติของภาวะซึมเศร้าอาจมีการทำงานของสมองที่ตอบสนองต่อความเครียดได้ช้ากว่า และการฟื้นตัวจากการเลิกราอาจใช้เวลานานกว่า

  • การรับมือที่ไม่เหมาะสม การจัดการกับความเศร้าในคนที่มีภาวะซึมเศร้าอาจไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาจมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญกับความรู้สึกหรือจมอยู่กับอารมณ์ลบ นำไปสู่การบั่นทอนสุขภาพจิต

บาดแผลในอดีต (เช่น การถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก) มีผลต่อการรับมือการเลิกรา

บาดแผลจากประสบการณ์ในอดีต เช่น การถูกทอดทิ้งในวัยเด็ก หรือการเผชิญกับการสูญเสียที่เคยเกิดขึ้นในชีวิต อาจทำให้การรับมือกับการเลิกรายากขึ้น เนื่องจาก

  • ประสบการณ์การทิ้งหรือการสูญเสีย หากเคยประสบกับการถูกทิ้งหรือการละทิ้งจากบุคคลที่สำคัญในชีวิต เช่น พ่อแม่ หรือคนรักในอดีต อาจทำให้คนๆ นั้นมีความกลัวที่จะถูกทอดทิ้งซ้ำอีก ซึ่งทำให้การเลิกราในครั้งนี้ยิ่งกระทบลึกกว่าเดิม และอาจทำให้ใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว

  • การพึ่งพาความรักเป็นแหล่งความมั่นคง คนที่มีประสบการณ์การทิ้งในวัยเด็กอาจพึ่งพาความรักจากคู่รักในลักษณะที่ให้ความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย เมื่อความสัมพันธ์นั้นสิ้นสุดลง อาจรู้สึกเหมือนสูญเสียทุกอย่าง ทำให้การฟื้นตัวจากการเลิกรานั้นยากขึ้น

เศร้าหนัก

ผลกระทบของการเศร้านานจากการเลิกราต่อสุขภาพจิตในระยะยาว

ความเศร้าหลังการเลิกราเป็นเรื่องปกติ แต่หากความเศร้านั้นยืดเยื้อและไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตในระยะยาว ทำให้เกิดปัญหาทางอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อชีวิตประจำวัน

1. เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง (Chronic Depression)

หากความเศร้ายังคงอยู่เป็นเวลานานโดยไม่มีสัญญาณของการฟื้นตัว อาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง ซึ่งมีอาการเช่น:

  • รู้สึกสิ้นหวัง ไม่มีความสุขแม้ในสิ่งที่เคยชอบ

  • ไม่มีแรงจูงใจในการใช้ชีวิต ขาดความกระตือรือร้น

  • มีปัญหาเรื่องการนอน เช่น นอนไม่หลับหรือนอนมากเกินไป

  • รู้สึกเหนื่อยล้าและขาดพลังงานตลอดเวลา

  • คิดลบเกี่ยวกับตัวเอง และอาจมีความคิดอยากทำร้ายตัวเอง

2. พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางลบ

เมื่อจมอยู่กับความเศร้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิต เช่น:

  • การแยกตัวจากสังคม: ไม่อยากพบปะผู้คน รู้สึกโดดเดี่ยวและหมดกำลังใจในการสร้างความสัมพันธ์ใหม่

  • การพึ่งพาสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ: เช่น การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้สารเสพติด หรือการกินมากเกินไปเพื่อระบายอารมณ์

  • ขาดการดูแลตัวเอง: ไม่สนใจสุขภาพร่างกาย ไม่ออกกำลังกาย หรือไม่รักษาสุขอนามัย

3. ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในอนาคต

การเลิกราที่ยากลำบากอาจทำให้บางคนพัฒนาความกลัวหรือวิตกกังวลเกี่ยวกับความรัก เช่น:

  • กลัวการถูกทอดทิ้งและไม่กล้าเปิดใจให้ใครใหม่

  • พัฒนาความไม่มั่นใจในตนเอง รู้สึกว่าไม่คู่ควรกับความรัก

  • มีปัญหาเรื่องความไว้วางใจ ทำให้ความสัมพันธ์ใหม่เกิดขึ้นได้ยาก

4. พัฒนาการของ PTSD ทางอารมณ์จากการเลิกรา (Post-Traumatic Relationship Syndrome – PTRS)

ในบางกรณี การเลิกราที่รุนแรง (เช่น ถูกนอกใจ ถูกทอดทิ้งกะทันหัน หรือถูกกระทำรุนแรงในความสัมพันธ์) อาจทำให้เกิดภาวะ PTRS ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) มีอาการเช่น:

  • ฝันร้ายหรือมีความคิดซ้ำๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์เก่า

  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้นึกถึงอดีต

  • มีอารมณ์รุนแรงขึ้น เช่น หงุดหงิดง่าย หรือระเบิดอารมณ์

  • รู้สึกกลัวและไม่มั่นคงตลอดเวลา

5. กระทบต่อการทำงานและเป้าหมายในชีวิต

ความเศร้าที่กินเวลานานอาจทำให้สมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เช่น:

  • ไม่มีสมาธิในการทำงาน ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง

  • สูญเสียความกระตือรือร้นและแรงบันดาลใจในชีวิต

  • ขาดเป้าหมายและทิศทางในการพัฒนาตนเอง

วิธีรับมือกับความเศร้าหนักหลังเลิกกับแฟน

1. ยอมรับความรู้สึกของตัวเอง

อย่าพยายามฝืนทำเป็นว่าไม่เศร้า แต่ให้ยอมรับว่าการเลิกราคือเรื่องเจ็บปวด การปล่อยให้ตัวเองร้องไห้หรือเศร้าชั่วคราวจะช่วยให้คุณก้าวผ่านไปได้เร็วขึ้น

เศร้าหนัก

2. หลีกเลี่ยงการติดต่อกับแฟนเก่า

การพยายามติดต่อหรือเช็กโซเชียลมีเดียของแฟนเก่าจะยิ่งทำให้คุณเจ็บปวด การ Unfollow, Block หรือ Mute อาจช่วยให้คุณไม่ต้องเห็นสิ่งที่กระตุ้นความเศร้า

social detox

3. ดูแลสุขภาพกายและใจ

  • นอนหลับให้เพียงพอ: การอดนอนจะทำให้อารมณ์แปรปรวนและซึมเศร้ามากขึ้น
  • ออกกำลังกาย: ช่วยกระตุ้นสารเอ็นโดรฟิน ทำให้รู้สึกดีขึ้น
  • กินอาหารที่ดีต่อสมอง: ลดน้ำตาลและแอลกอฮอล์ หันมากินอาหารที่มีโอเมก้า-3 และแมกนีเซียม

ออกกำลังกาย

4. ใช้เทคนิคด้านจิตวิทยาเพื่อเยียวยาหัวใจ

  • เทคนิค 4-7-8: หายใจเข้า 4 วินาที กลั้นหายใจ 7 วินาที และหายใจออก 8 วินาที เพื่อช่วยลดความเครียด
  • การเขียนบันทึกความรู้สึก: ช่วยปลดปล่อยอารมณ์ที่ค้างคา และช่วยให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น
  • การฝึกสติ (Mindfulness): อยู่กับปัจจุบัน แทนที่จะจมอยู่กับอดีตหรือกังวลเกี่ยวกับอนาคต

mindfulness

5. สร้างพลังใจและก้าวไปข้างหน้า

  • ลองกิจกรรมใหม่ๆ: หางานอดิเรกใหม่เพื่อให้ตัวเองมีสิ่งที่ต้องโฟกัส
  • ออกไปพบปะผู้คน: การมีเพื่อนหรือครอบครัวอยู่ข้างๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น
  • ตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิต: เปลี่ยนโฟกัสไปที่การพัฒนาตัวเองแทนที่จะจมอยู่กับอดีต

อยู่กับเพื่อน

ทำไมต้องเลือก Mental Well Clinic

ที่ Mental Well Clinic เรามีบริการ Private Counseling ให้คำปรึกษาส่วนตัว ที่ช่วยให้คุณได้พูดคุยอย่างปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัว เพื่อแก้ไขปัญหาทางจิตใจ หากคุณกำลังเผชิญกับความเครียดที่เกิดจากความเครียด ความวิตกกังวลต่างๆ ที่เกิดจากปัญหาความสัมพันธ์ Mental Well Clinic ยินดีที่จะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและสมดุลอีกครั้ง

ติดต่อเรา วันนี้เพื่อเริ่มต้นการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตและค้นพบวิธีการใหม่ๆ ในการจัดการกับความเครียด ที่เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ

contact us

บทความเพิ่มเติม