เปลี่ยนตัวเอง เป็นคำที่ได้ยินบ่อยเวลาชีวิตสะดุด บางคนพูดขึ้นมาเพราะอยากหนีจากความทุกข์ บางคนพูดเพราะรู้สึกผิดกับพฤติกรรมเดิมซ้ำๆ เช่น การเหวี่ยงใส่คนใกล้ตัวเวลาทำงานเครียด หรืออารมณ์ขึ้นลงจนกลายเป็น “คนขี้เหวี่ยง” โดยไม่ตั้งใจ หลายครั้งเรารู้ว่าไม่ควรพูดแบบนั้น ไม่ควรหงุดหงิดใส่ใคร แต่พอเจอสถานการณ์กดดัน เรากลับควบคุมอารมณ์ไม่ได้ จนกลายเป็นวัฏจักรที่ทำร้ายทั้งคนรอบข้างและตัวเราเอง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ฝังรากลึกมานานอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันเป็นไปได้ โดยเฉพาะเมื่อเราเริ่มต้นจาก “การเข้าใจตัวเอง”
แทนที่จะพยายามบังคับให้ตัวเองต้องนิ่ง ต้องดี ต้องใจเย็นตลอดเวลา เพราะในความเป็นจริง ทุกคนต่างมีวันที่เหนื่อย มีอารมณ์ มีความเปราะบาง และนั่นไม่ใช่เรื่องผิด การเปลี่ยนตัวเองให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น จึงไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนเป็นคนอื่น แต่คือการค่อยๆ เปิดใจรับรู้ว่าอะไรที่กำลังเกิดขึ้นภายใน ความโกรธของเรามาจากไหน เราเหนื่อยอะไรอยู่ หรือจริงๆ แล้วในใจลึกๆ เรากำลังต้องการความเข้าใจจากใครสักคน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่า ทำไมบางคนจึงกลายเป็น “คนขี้เหวี่ยง” ได้โดยไม่รู้ตัว
เปลี่ยนตัวเอง – จากคนขี้เหวี่ยง ให้เป็นคนเข้าใจตัวเองมากขึ้น
คุณเคยรู้สึกไหมว่าเวลาที่เหนื่อย เครียด หรือเจอเรื่องกดดัน คุณจะกลายเป็นคนที่อารมณ์เสียง่าย ขึ้นเสียงกับคนใกล้ตัว พูดแรงเกินไปโดยไม่ทันคิด แล้วสุดท้ายก็รู้สึกผิดกับสิ่งที่พูดออกไป? ถ้าใช่ คุณไม่ได้แปลกหรือแย่กว่าคนอื่นเลย และนี่อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่กำลังบอกว่า “คุณควรเริ่มเปลี่ยนตัวเอง” แต่ไม่ใช่เปลี่ยนให้สมบูรณ์แบบหรือไม่โกรธอีกเลย เพราะมนุษย์ทุกคนต่างก็มีความรู้สึก มีอารมณ์ และมีด้านที่เปราะบางในตัวเองทั้งนั้น การเปลี่ยนตัวเองที่แท้จริง คือการเปลี่ยนจากการ “โทษตัวเองเวลาพลาด” มาเป็น “การเข้าใจตัวเองเวลาที่พลาด” แล้วค่อย ๆ เติบโตในแบบที่ไม่ทำร้ายทั้งใจเราและใจของคนที่รักเรามากขึ้น
ทำไมเราถึงกลายเป็น คนขี้เหวี่ยง? จุดเริ่มต้นที่ไม่ใช่ความผิดของเราเสมอไป
หลายคนอาจเคยโดนคนรอบข้างพูดใส่ว่า “อย่าเหวี่ยงได้ไหม” หรือ “ใจเย็นหน่อย” จนเผลอรู้สึกผิดกับอารมณ์ของตัวเอง แต่ในความเป็นจริง การที่เรากลายเป็น คนขี้เหวี่ยง หรือหงุดหงิดง่าย ไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนแย่ หรือควบคุมตัวเองไม่ได้เสมอไป
ในมุมของจิตวิทยา พฤติกรรมเหล่านี้อาจไม่ได้เกิดจาก “นิสัย” เพียงอย่างเดียว แต่อาจเป็นผลมาจากกลไกการป้องกันตัวเองของจิตใจ ที่สะสมความเครียด ความเจ็บปวด หรือความรู้สึกบางอย่างที่ยังไม่เคยได้รับการเยียวยาอย่างแท้จริง ลองย้อนกลับมาทำความเข้าใจจุดเริ่มต้นของอารมณ์เหล่านี้กันว่า… “เราไม่ได้ขี้เหวี่ยงเพราะเราอยากเป็น แต่บางครั้งเราขี้เหวี่ยงเพราะเรารู้สึกไม่ปลอดภัย”
ความเครียดสะสมที่ไม่เคยถูกปลดปล่อย
คุณเคยรู้สึกไหมว่า “ไม่อยากบ่น ไม่อยากพูด เพราะกลัวเป็นภาระคนอื่น” แล้วสุดท้ายเลือกเก็บทุกอย่างไว้เงียบๆ คนเดียว ความเงียบที่เหมือนเข้มแข็งนั้น อาจกลายเป็นภาระทางใจโดยไม่รู้ตัว ยิ่งเราไม่พูด ไม่ขอความช่วยเหลือ ความเครียดก็ยิ่งสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อถึงจุดที่ใจและร่างกายทนไม่ไหว สมองจะเข้าสู่ “โหมดป้องกันตัวเอง” หรือ fight mode ซึ่งทำให้เราแสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรง เพื่อให้รู้สึกว่า “ฉันยังควบคุมสถานการณ์ได้” หรืออย่างน้อย “ยังมีสิทธิ์ระบายอะไรออกมาบ้าง”
ประสบการณ์ในวัยเด็กที่ไม่เคยถูกเข้าใจ
การเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่อารมณ์ของผู้ใหญ่คือเครื่องมือในการควบคุม เช่น พ่อแม่ใช้เสียงดัง ตะคอก หรือโมโหเมื่อเราทำผิด อาจหล่อหลอมให้เราเชื่อโดยไม่รู้ตัวว่า
“ถ้าอยากให้คนฟัง เราต้องแสดงออกด้วยอารมณ์”
แม้ตอนโตเราจะไม่ชอบการเหวี่ยง ไม่อยากเป็นคนหงุดหงิดใส่ใคร แต่สมองส่วนลึกยังจดจำว่าการแสดงออกแบบนี้เคยได้ผล จึงกลายเป็น พฤติกรรมอัตโนมัติ ที่ออกมาเมื่อรู้สึกถูกคุกคาม อ่อนแอ หรือไม่มีทางเลือก
นี่ไม่ใช่ความผิดของใคร แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับหลายคน และการเริ่มเข้าใจตัวเอง คือจุดเริ่มต้นของการ เปลี่ยนตัวเอง อย่างแท้จริง
ความคาดหวังที่มากเกินไปจากตัวเอง
“ฉันต้องเก่ง ต้องไม่พลาด ต้องทำให้ได้ทุกอย่าง”
ประโยคนี้คือเสียงในใจของหลายคนที่ภายนอกดูเข้มแข็งและรับผิดชอบทุกอย่างได้ดี แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความกดดันและความคาดหวังมหาศาลต่อ ‘ตัวเอง’
เมื่อเกิดความผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย เสียงตำหนิตัวเองมักจะดังกว่าใคร และในบางครั้ง ความหงุดหงิดก็พุ่งออกไปยังคนรอบข้าง แม้จะไม่ได้ตั้งใจ
การ เปลี่ยนตัวเอง เริ่มจากความเข้าใจ ไม่ใช่การโทษตัวเอง
หากคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็น คนขี้เหวี่ยง มากขึ้นเรื่อยๆ อย่าเพิ่งรีบตำหนิตัวเอง เพราะอารมณ์คือภาษาของความรู้สึก และทุกความรู้สึกมีที่มาของมันเสมอ
การเปลี่ยนตัวเองไม่ใช่การกดความรู้สึกให้หายไป แต่คือการเรียนรู้ว่า
ฉันมีสิทธิ์จะรู้สึก
ฉันไม่จำเป็นต้องแบกทุกอย่างไว้คนเดียว
ฉันสามารถขอความช่วยเหลือได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด
ที่บางที สิ่งที่เราต้องการไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ แต่คือ “พื้นที่ให้ใจได้พัก” และ “ใครสักคนที่เข้าใจว่าเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน”
การ เปลี่ยนตัวเอง เริ่มจาก “เข้าใจ” ไม่ใช่ “กดทับ”
หลายคนพยายามเปลี่ยนตัวเองให้ใจเย็นขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้มากขึ้น หรือไม่เหวี่ยงใส่คนรอบข้างอีกต่อไป แต่ยิ่งพยายามควบคุม ยิ่งรู้สึกว่า ทำไมมันยิ่งยาก เพราะการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ไม่ได้เริ่มจากการ “ห้าม” หรือ “กดทับ” อารมณ์ตัวเอง แต่เริ่มจากการ “เข้าใจ” ว่าข้างในเรารู้สึกอะไรอยู่ ลองให้เวลากับคำถามง่ายๆ เหล่านี้
“ตอนนั้นเรารู้สึกอะไร?”
“เรากำลังแบกรับอะไรไว้คนเดียว?”
“เราหวังว่าเขาจะเข้าใจอะไร แต่เราไม่เคยพูดออกไปใช่ไหม?”
เมื่อเราหยุดไล่ล่าเป้าหมายของความสงบ และเริ่มฟังใจตัวเองอย่างจริงจัง การเปลี่ยนตัวเองจึงค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างอ่อนโยน ไม่เร่งรัด และไม่เจ็บปวดจนเกินไป
ฟังอารมณ์ตัวเอง โดยไม่ตัดสิน ลองสังเกตตัวเองในวันที่อารมณ์ไม่ดี ว่าช่วงเวลาไหนที่คุณมักจะเหวี่ยง หรือหงุดหงิดง่ายเป็นพิเศษ เช่น
-
ตอนเช้ารีบออกจากบ้านแต่รถติด
-
ตอนประชุมแล้วรู้สึกถูกกดดันหรือไม่เป็นที่ยอมรับ
-
ตอนกลับถึงบ้านแต่ไม่มีใครถามว่า “วันนี้เหนื่อยไหม”
พฤติกรรมอารมณ์เสียอาจไม่ใช่ตัวตนของคุณทั้งหมด แต่อาจเป็นเพียง เสียงจากความรู้สึกที่ยังไม่มีที่ไป
ฝึกอยู่กับตัวเอง โดยไม่ต้องแก้ทุกอย่างทันที ในวันที่เรารู้สึกว่าอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่าเพิ่งกดดันตัวเองให้ “ต้องสงบ” หรือ “ต้องไม่รู้สึกอะไร” เพราะความรู้สึกไม่ใช่ศัตรู — มันคือสัญญาณ ให้โอกาสตัวเองได้นั่งนิ่งๆ อยู่กับความรู้สึกนั้น เช่น
-
เดินเล่นเงียบๆ คนเดียว
-
ฟังเพลงที่ตรงกับอารมณ์
-
เขียนระบายออกมา โดยไม่ต้องให้มันมีเหตุผล
บางครั้งการ “ไม่แก้” คือสิ่งที่เยียวยาได้ดีที่สุด เพราะเรากำลังบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไรที่จะยังไม่โอเค”
วิธีเปลี่ยนตัวเองจากคนขี้เหวี่ยง ให้กลายเป็นคนเข้าใจตัวเองมากขึ้น
การเปลี่ยนพฤติกรรม เริ่มได้จากการเปลี่ยนความสัมพันธ์กับตัวเองก่อน แล้วค่อยขยายไปสู่ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว
เขียนบันทึกอารมณ์ เพื่อเห็นลวดลายของใจ
การเขียนช่วยให้เราได้สังเกตว่า เราโกรธบ่อยเรื่องอะไร อะไรทำให้เราเหนื่อย หรือเรากำลังขาดการพักผ่อนแค่ไหน การมองเห็นตัวเองอย่างซื่อสัตย์คือจุดเริ่มของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง
พูดคุยกับนักจิตวิทยา เพื่อให้เข้าใจลึกมากกว่าที่คิด
บางครั้งการเข้าใจตัวเองคนเดียวอาจทำให้เราหลงทาง เพราะหลายอารมณ์ในจิตใจซับซ้อนและโยงกับอดีตโดยไม่รู้ตัว การพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เช่น นักจิตวิทยา หรือจิตแพทย์ จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ ๆ และให้แนวทางการเปลี่ยนตัวเองแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยไม่รู้สึกว่าต้อง “ฝืน”
ขอพื้นที่ปลอดภัยจากคนรอบข้าง
การบอกกับคนที่ไว้ใจว่า “ช่วงนี้เราเครียด ถ้าเราพูดแรงไป เราขอโทษนะ” อาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่จริง ๆ แล้วเป็นการยอมรับความรู้สึก และเปิดพื้นที่ให้เขาเข้าใจเราได้มากขึ้น และคุณเองก็จะเข้าใจตัวเองจากคำตอบของเขาเช่นกัน
การ เปลี่ยนตัวเอง ไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนไม่ดี
นี่คือความเข้าใจผิดที่เจอบ่อยมาก หลายคนรู้สึกผิดทุกครั้งที่เผลอเหวี่ยงใส่คนที่รัก หลายคนรู้สึกแย่กับตัวเองเวลาที่อารมณ์เสีย หรือพูดจาแรงเกินไป และหลายคนเริ่มคิดว่า “ฉันคงเป็นคนที่ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้” แต่ในฐานะนักจิตวิทยา เราอยากบอกคุณว่า…
“คุณไม่ได้ผิดเพราะคุณเคยพลาด”
“คุณไม่ได้เป็นคนไม่ดี เพียงเพราะบางครั้งคุณควบคุมอารมณ์ไม่ทัน”
ทุกคนเคยมีช่วงเวลาที่พูดอะไรแรงเกินไป เคยอารมณ์เสีย เคยทำให้คนที่เรารักต้องเสียใจ — แต่นั่นไม่ใช่บทสรุปของคุณ สิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากอดีต สิ่งที่ทำให้คุณมีศักยภาพในการ เปลี่ยนตัวเอง ไม่ใช่การลบทุกความผิดพลาดทิ้ง แต่คือ “ความตั้งใจที่จะเข้าใจตัวเองใหม่” และ “ความกล้าที่จะเริ่มต้นอีกครั้ง แม้จะยังไม่สมบูรณ์”
บางที การยอมรับตัวเองในวันที่ยังไม่ดีที่สุด ก็เป็นก้าวที่กล้าหาญยิ่งกว่าการพยายามเป็นคนใหม่แบบสมบูรณ์แบบเสียอีก
เปลี่ยนตัวเอง ด้วยการรับความช่วยเหลือจากนักจิตวิทยา
การเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม แม้จะเล็กน้อยแค่ไหน หากได้ทำร่วมกับคนที่เข้าใจย่อมมีพลังมากกว่าเสมอ Mental Well Clinic มีนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ที่พร้อมเดินไปกับคุณแบบไม่ตัดสิน รับฟังด้วยความเข้าใจ และช่วยออกแบบแนวทางที่เหมาะกับ “ชีวิตจริงของคุณ” ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอารมณ์ที่เหวี่ยงง่าย ความเหนื่อยล้าที่สะสม หรือปัญหาภายในใจที่ยากจะพูดกับใคร
ไม่มีใครอยากเป็นคนขี้เหวี่ยง ไม่มีใครอยากเป็นภาระทางอารมณ์ให้ใคร แต่หลายครั้งเราก็เหนื่อยเกินไป เจ็บเกินไป และล้าเกินไปที่จะใจเย็นกับทุกเรื่อง ถ้าวันนี้คุณเริ่มรู้สึกว่า “อยากเปลี่ยน” แม้เพียงนิดเดียว นั่นคือจุดเริ่มต้นที่มีค่ามากแล้ว อย่ากลัวที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนตัวเอง เพราะคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในกระบวนการนี้ และคุณสามารถค่อยๆ เติบโตในแบบของตัวเองได้อย่างอ่อนโยน
ทำไมต้องเลือก Mental Well Clinic
ที่ Mental Well Clinic เรามีบริการ Private Counseling ให้คำปรึกษาส่วนตัว ที่ช่วยให้คุณได้พูดคุยอย่างปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัว เพื่อแก้ไขปัญหาทางจิตใจ หากคุณกำลังเผชิญกับความเครียดที่เกิดจากวามวิตกกังวลต่างๆ Mental Well Clinic ยินดีที่จะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและสมดุลอีกครั้ง
ติดต่อเรา วันนี้เพื่อเริ่มต้นการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตและค้นพบวิธีการใหม่ๆ ที่เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ