เบื่อ เหนื่อย ง่วง ไม่อยากเจอใคร และไม่อยากคุยกับใคร รวมทั้งเวลาตื่นมาก็รู้สึกเหนื่อยทั้งๆ ที่ไม่ได้เริ่มวัน หรือบางครั้งก็ไม่อยากลุกออกจากเตียง ไม่อยากพูด ไม่อยากพบใคร ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเรื่องเศร้า แต่กลับ “เบื่อ เหนื่อย ง่วง” ตลอดเวลา
หลายคนอาจมีการตั้งคำถามกับตัวเองอยู่เสมอว่า “นี่เราขี้เกียจไปเอง หรือว่าเราซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัวกันแน่” บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจอาการเหล่านั้นให้ชัดเจน พร้อมแนวทางการดูแลใจในวันที่เรารู้สึกไม่ไหว เพื่อให้เข้าใจตัวเองอย่างไม่ตัดสิน และรับมือได้อย่างถูกวิธี
เข้าใจภาวะ ” เบื่อ เหนื่อย ง่วง ” ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ
เบื่อไม่ใช่คำที่ผิดปกติหรือแปลว่าเรากำลังมีปัญหาเสมอไป เพราะแท้จริงแล้ว ความเบื่อคือกลไกที่สมองใช้เพื่อบอกกับเราว่า “สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ไม่ได้กระตุ้น หรือให้คุณค่าอะไรกับใจเรามากพอ” อาจเป็นกิจกรรมเดิมๆ ที่ซ้ำซาก สถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ เช่น รถติด ฝนตก หรือแม้แต่การอยู่ในบรรยากาศที่จำเจในที่ทำงาน ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกเบื่อได้ทั้งนั้น — และสิ่งเหล่านี้ “เป็นธรรมดา”
ในบางวัน เราอาจเบื่อที่จะคุยกับคน เบื่อที่จะตอบไลน์ เบื่อกระทั่งเปิดตู้เย็นก็ไม่รู้จะกินอะไร นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ทุกคนมีโอกาสเผชิญ โดยเฉพาะในโลกยุคใหม่ ที่กระตุ้นเราตลอดเวลา บางครั้งใจจึงต้องการ “พัก” หรือ “เว้นช่วง” เพื่อฟื้นพลังความรู้สึก นั่นเอง แต่ความเบื่อจะเริ่มน่าจับตา… เมื่อมันกลายเป็นสิ่งที่ “อยู่กับเรา” แทนที่จะ “ผ่านมาแล้วผ่านไป” เช่น
-
เบื่อทุกวัน เบื่อทั้งที่ไม่มีเรื่องให้เบื่อ
-
เบื่อสิ่งที่เคยชอบ ไม่อยากแม้แต่จะเปิดเพลงโปรด
-
เบื่อการคุยกับคน เบื่อแม้แต่จะตอบข้อความจากคนที่เคยทำให้หัวใจเต้นแรง
-
เบื่อจนรู้สึกว่า “ไม่มีอะไรน่าสนใจอีกแล้ว”
เหนื่อยแบบไหนที่ควรเริ่มสังเกต?
-
เหนื่อยทั้งๆ ที่ไม่ได้ออกแรง
-
นอนเท่าไรก็ไม่สดชื่น
-
ใช้พลังงานมหาศาลในการแค่ “ตื่น” มาเริ่มต้นวัน
-
แม้แต่การแปรงฟันก็รู้สึกเหมือนปีนเขา
อาการแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อระบบร่างกายและจิตใจเข้าสู่ “โหมดแบตต่ำ” ต่อเนื่องจนฟื้นตัวไม่ทัน
ง่วงอยู่ตลอดแต่ทำไมถึงหลับไม่สนิท
หลายคนบอกว่า “อยากนอนตลอดเวลา” แต่พอได้นอนจริงๆ กลับนอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก หรือฝันร้าย นี่เป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อยในภาวะซึมเศร้า ซึ่งส่งผลต่อ วงจรการนอนและสารเคมีในสมอง
เบื่อกับทุกอย่างในชีวิต กับสัญญาณของภาวะซึมเศร้า
หลายคนอาจคิดว่า “เบื่อ” เป็นแค่ความรู้สึกชั่วคราวที่เกิดขึ้นเมื่อทำอะไรซ้ำๆ หรือเจอเหตุการณ์ที่น่าเบื่อในแต่ละวัน แต่ในบางกรณี ความเบื่อนั้นอาจมีความลึกซึ้ง และเชื่อมโยงกับสุขภาพจิตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความเบื่อไม่ใช่แค่กับกิจกรรมหรือสิ่งรอบตัว แต่กลายเป็น “เบื่อกับทุกอย่างในชีวิต” นั่นอาจเป็นสัญญาณหนึ่งของภาวะซึมเศร้า
ลักษณะของความเบื่อที่สัมพันธ์กับโรคซึมเศร้า
-
เบื่อจนรู้สึกไม่อยากมีชีวิตอยู่ เมื่อความเบื่อไม่ได้เป็นแค่ความรู้สึกขัดใจชั่วคราว แต่ลามไปถึงจุดที่รู้สึกหมดแรงใจ หมดกำลังใจ อยากหลีกหนีชีวิต หรือรู้สึกว่าอยู่ไปก็ไม่มีความหมาย นี่เป็นสัญญาณที่ต้องให้ความสนใจ เพราะอาจบ่งบอกว่าคุณกำลังเจอกับภาวะซึมเศร้ารุนแรง
-
เบื่อที่ไม่ใช่เพราะกิจกรรม แต่เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่า ความเบื่อแบบนี้ไม่ได้เกิดจากสิ่งที่ทำในแต่ละวัน แต่เกิดจากความคิดลบต่อตัวเอง เช่น รู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญ ไม่มีใครรัก หรือทำอะไรไม่ดีพอ ซึ่งความรู้สึกนี้ทำให้ไม่มีแรงจูงใจอยากลุกขึ้นทำอะไรใหม่ๆ หรือแม้แต่ดูแลตัวเอง
-
เบื่อแบบไร้ความหวัง ไม่เห็นอนาคต ความเบื่อที่แฝงด้วยความรู้สึกหมดหวัง รู้สึกเหมือนไม่มีทางออก ไม่มีจุดหมาย หรืออนาคตดูมืดมน เป็นสัญญาณสำคัญที่บอกว่า ภาวะซึมเศร้าอาจเข้ามากระทบกับจิตใจอย่างลึกซึ้ง
อาการร่วมอื่นๆ ที่มักมากับความเบื่อ
ไม่สนุกกับสิ่งที่เคยชอบ (Anhedonia)
อยากอยู่คนเดียว ไม่อยากสื่อสาร
รู้สึกไร้ค่า ผิดหวังในตัวเอง
ไม่มีแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ
มีความคิดอยากหายไปหรือไม่อยากมีชีวิตอยู่
ทำไมเบื่อ เหนื่อย ง่วง ถึงกลายเป็นภาวะซึมเศร้าได้?
หลายคนอาจเคยเจอช่วงเวลาที่รู้สึกเบื่อ เหนื่อย ง่วง แบบไม่ทราบสาเหตุ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำงานหนักเกินไป หรือพักผ่อนเต็มที่แล้ว แต่นั่นอาจไม่ใช่แค่ความเหนื่อยธรรมดา เพราะอาการเหล่านี้เป็นหนึ่งในสัญญาณของภาวะซึมเศร้าที่หลายคนมองข้าม
สมองกับฮอร์โมนความสุขทำงานผิดปกติ
ภาวะซึมเศร้าเกิดจากความผิดปกติของสมดุลสารเคมีในสมอง โดยเฉพาะสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับความสุขและความกระตือรือร้น เช่น
เซโรโทนิน (Serotonin)
โดพามีน (Dopamine)
สารเหล่านี้ทำหน้าที่ส่งสัญญาณเพื่อควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกกระตือรือร้น และแรงจูงใจ หากสารเคมีเหล่านี้ลดลงหรือทำงานผิดปกติ สมองจะส่งผลให้ร่างกายแสดงออกเป็น:
ความเบื่อ ที่รู้สึกว่าทุกอย่างไม่มีสีสันหรือความหมาย
ความเฉื่อยชา รู้สึกไม่มีแรง แม้จะอยากทำอะไรบางอย่างก็ทำไม่ได้
อารมณ์หดหู่ รู้สึกเศร้า เหนื่อยใจ หดหู่เกินกว่าปกติ
ขาดแรงกระตุ้น หมดแรงใจ ไม่มีแรงผลักดันให้ทำกิจกรรมแม้แต่สิ่งที่เคยชอบ
ผลจากสารเคมีในสมองที่เปลี่ยนแปลงนี้จึงทำให้ “เบื่อ เหนื่อย ง่วง” กลายเป็นอาการที่สะท้อนภายในจิตใจและสมองอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ความรู้สึกชั่วคราวหรือความเหนื่อยล้าธรรมดา
ความเครียดสะสมเรื้อรัง
อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเบื่อ เหนื่อย ง่วงแบบเรื้อรังคือ ความเครียดสะสม ที่เรามักไม่ทันสังเกตตัวเอง เช่น
-
การทำงานเกินกำลังหรือไม่มีเวลาพักผ่อนเพียงพอ
-
ปัญหาครอบครัวที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
-
ความคาดหวังจากตัวเองหรือจากคนรอบข้างที่สูงเกินไป
ความเครียดเหล่านี้จะสะสมเป็นเวลานาน และส่งผลให้ระบบประสาทและสมองทำงานหนักเกินไป จนเกิดการอ่อนล้าในระดับลึก หรือที่เรียกว่า ความเครียดเรื้อรัง (Chronic Stress) เมื่อความเครียดสะสมจนเกินความสามารถในการรับมือ สมองจะปล่อยสารเคมีที่กระตุ้นความเครียดมากขึ้น เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งถ้าสะสมมากๆ จะทำลายเซลล์สมองบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์และความจำ
ผลลัพธ์คือเราเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า เบื่อหน่าย และอยากนอนพักผ่อนมากขึ้น แต่กลับไม่สดชื่นขึ้นเมื่อพักผ่อน จนกลายเป็นวงจรที่ทำให้ภาวะซึมเศร้าลุกลามได้ง่าย
วิธีดูแลใจตัวเองเมื่อ เบื่อ เหนื่อย ง่วง ไม่อยากคุยกับใคร
ในช่วงเวลาที่ใจรู้สึกเบื่อ เหนื่อยล้า หรือแม้กระทั่งไม่อยากคุยกับใครเลย หลายคนอาจรู้สึกว่าตัวเองแปลก หรือไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ แต่จริงๆ แล้ว นี่คือสัญญาณที่บอกว่าใจเราต้องการพักผ่อนและการดูแลอย่างแท้จริง การเข้าใจและรู้จักวิธีดูแลใจตัวเองในช่วงเวลานี้จึงสำคัญมาก เพราะมันช่วยให้เรากลับมามีแรงใจและความสุขได้อีกครั้ง
1. อย่าฝืนให้ “หาย” ทันที หลายคนมักคิดว่าเวลารู้สึกเบื่อ เหนื่อย หรืออยากหนีจากความรู้สึกนั้น ต้องรีบ “แก้ไข” ให้มันหายไปทันที เช่น เร่งหากิจกรรมทำ หรือบังคับตัวเองให้พูดคุยกับคนอื่น ทั้งที่จริงๆ ความรู้สึกเหล่านี้ไม่ใช่ศัตรู แต่เป็นสัญญาณที่บอกว่า “มีบางอย่างในชีวิตที่เราอาจต้องปรับเปลี่ยน” การยอมรับว่า “ตอนนี้เราอาจยังไม่ไหว” เป็นการให้พื้นที่กับตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการเยียวยาจิตใจ เพราะไม่ต้องกดดันตัวเองให้ต้องรู้สึกดีทันที แต่ให้โอกาสใจได้พักและฟื้นฟูอย่างเป็นธรรมชาติ
2. พักอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ “หยุดทำ” การพักผ่อนไม่ได้หมายความว่าแค่หยุดกิจกรรมหรือหยุดทำงานเท่านั้น แต่ต้องเป็นการพักที่ช่วยให้ใจได้หยุดพักจากสิ่งที่ทำให้คิดวน เช่น ความเครียด ความกังวล หรือความคิดลบที่วนเวียนอยู่ในหัว ลองถามตัวเองว่า
-
เราพักแบบจริงใจ หรือแค่หนีความรู้สึก?
-
เราหยุดรับข้อมูลที่ทำให้ใจวุ่นวายหรือยัง ตัวอย่างเช่น ปิดหน้าจอมือถือเพื่อหยุดเลื่อนดูโซเชียลมีเดียที่อาจทำให้รู้สึกเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือหยุดดูข่าวสารที่ก่อให้เกิดความเครียด การพักอย่างแท้จริงจะช่วยให้สมองได้ผ่อนคลาย ไม่ต้องทำงานหนักกับความคิดตลอดเวลา
3. จัดสรรพลังให้กิจกรรมเล็กๆ ที่เราควบคุมได้ เมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำกิจกรรมใหญ่หรือเปลี่ยนแปลงอะไรครั้งใหญ่ แต่การทำสิ่งเล็ก ๆ ที่เราควบคุมได้จะช่วยสร้างแรงจูงใจเล็กๆ ในใจได้
กิจกรรมง่าย ๆ เช่น
-
ทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อย เพื่อสร้างบรรยากาศที่สดชื่น
-
ฟังเพลงเบาๆ ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
-
เดินเล่นรับแดด เพื่อเติมพลังและวิตามินดีให้กับร่างกาย
-
จดสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย เช่น ได้เจอคนยิ้มให้ กิจกรรมเหล่านี้ช่วยกระตุ้นสารโดพามีนในสมอง ซึ่งเป็นสารที่ช่วยให้รู้สึกดีและมีกำลังใจทีละน้อย โดยไม่ต้องเร่งรีบ
4. พูดคุยกับใครสักคน (แม้จะไม่อยากคุย) บางครั้งตอนที่รู้สึกเหนื่อย เบื่อ หรือไม่อยากคุยกับใครเลย การเปิดใจเล็ก ๆ ว่า “ตอนนี้ไม่ไหวจริงๆ” กับคนที่ไว้ใจสักคน จะช่วยลดความรู้สึกโดดเดี่ยวได้มาก แม้จะไม่อยากพูดคุยเยอะ หรือเล่าเรื่องทั้งหมด แค่ได้บอกออกไปว่าเราเจออะไร หรือรู้สึกยังไง ก็เป็นการบอกสมองว่า “เราไม่ได้อยู่คนเดียว”
การได้รับฟังและเห็นใจจากคนอื่นเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ใจคลายความหนักหน่วง และเปิดโอกาสให้เราเริ่มฟื้นฟูตัวเองได้ดีขึ้น
ทำไมต้องเลือก Mental Well Clinic
ที่ Mental Well Clinic เรามีบริการ Private Counseling ให้คำปรึกษาส่วนตัว ที่ช่วยให้คุณได้พูดคุยอย่างปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัว เพื่อแก้ไขปัญหาทางจิตใจ หากคุณกำลังเผชิญกับความเครียดที่เกิดจากวามวิตกกังวลต่างๆ Mental Well Clinic ยินดีที่จะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและสมดุลอีกครั้ง
ติดต่อเรา วันนี้เพื่อเริ่มต้นการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตและค้นพบวิธีการใหม่ๆ ที่เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ