ในชีวิตประจำวัน เรามักมี พฤติกรรมทำซ้ำ โดยไม่รู้ตัว บางอย่างอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตได้โดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นความเครียดสะสม ความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า พฤติกรรมซ้ำ ๆ เหล่านี้อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสมดุล โดยหากเราสังเกตและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ได้ อาจช่วยให้สุขภาพจิตดีขึ้น และส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า มีพฤติกรรมใดบ้างที่หากทำซ้ำบ่อย ๆ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต พร้อมกับแนวทางปรับปรุงเพื่อให้ชีวิตมีความสมดุลมากขึ้น
ความแตกต่างระหว่างนิสัย กับ พฤติกรรมทำซ้ำ
นิสัย (Habit) และ พฤติกรรมทำซ้ำ (Repetitive Behavior) อาจดูคล้ายกันเพราะทั้งสองเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆ แต่มีความแตกต่างที่สำคัญในด้านสาเหตุและผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
นิสัย (Habit)
นิสัยคือพฤติกรรมที่ถูกฝึกฝนและทำซ้ำจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตโดยอัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดหรือความพยายามมากในการทำ เช่น
- แปรงฟันทุกเช้า
- ออกกำลังกายหลังเลิกงาน
- จัดโต๊ะทำงานก่อนเริ่มงาน
นิสัยมักเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น นิสัยการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรือการนอนเป็นเวลา
พฤติกรรมทำซ้ำ (Repetitive Behavior)
พฤติกรรมซ้ำๆ คือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆ อาจเป็นการตอบสนองต่ออารมณ์ ความเครียด หรือสิ่งเร้าจากภายนอก เช่น
- กัดเล็บเมื่อรู้สึกกังวล
- สะบัดขาเวลานั่งรอ
- เช็กโทรศัพท์ตลอดเวลาแม้ไม่มีแจ้งเตือน
พฤติกรรมซ้ำๆ บางอย่างอาจไม่มีผลกระทบมากนัก แต่บางอย่างอาจก่อให้เกิดปัญหา เช่น พฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Behavior) หรือพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น การกินอาหารตามอารมณ์ (Emotional Eating)
พฤติกรรมซ้ำ จะมีผลต่อสุขภาพจิตอย่างไร?
หากเรามีพฤติกรรมซ้ำ จะไม่เพียงแต่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ยังมีผลกระทบโดยตรงต่อสมองและสุขภาพจิตของเรา โดยเฉพาะเมื่อพฤติกรรมนั้นเกิดขึ้นจากความเครียด วิตกกังวล หรืออารมณ์ด้านลบ
การทำพฤติกรรมเดิมซ้ำ ส่งผลต่อสมองอย่างไร?
สมองของเราทำงานผ่านระบบ “วงจรประสาท” (Neural Circuits) ซึ่งเป็นเครือข่ายของเซลล์ประสาทที่เชื่อมโยงกัน หากเราทำพฤติกรรมบางอย่างซ้ำ ๆ สมองจะเสริมสร้างเส้นทางเหล่านั้นให้แข็งแกร่งขึ้น ทำให้พฤติกรรมกลายเป็นสิ่งที่เราทำโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างเช่น
– หากเรามี พฤติกรรมที่ดีซ้ำ ๆ เช่น ออกกำลังกายหรือนั่งสมาธิ สมองจะปรับตัวให้เราทำสิ่งเหล่านั้นได้ง่ายขึ้นและเกิดเป็นนิสัยที่ดี
– แต่ถ้าเรามี พฤติกรรมที่ส่งผลเสีย เช่น การเช็กโทรศัพท์บ่อย ๆ หรือการคิดวนซ้ำ สมองจะคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ ทำให้เราติดอยู่กับพฤติกรรมที่ไม่เป็นประโยชน์
ผลที่ตามมา :
- เมื่อพฤติกรรมซ้ำ ๆ เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี สมองจะจดจำและทำให้เราทำสิ่งนั้นโดยไม่รู้ตัว
- ยิ่งทำซ้ำมากเท่าไร การเปลี่ยนแปลงก็ยิ่งยาก เพราะสมองสร้าง “เส้นทางลัด” ให้พฤติกรรมเหล่านั้นเป็นเรื่องปกติ
- ในกรณีที่เป็นพฤติกรรมซ้ำ ๆ เชิงลบ อาจนำไปสู่ภาวะสุขภาพจิตที่แย่ลง
ผลกระทบของพฤติกรรมซ้ำ ๆ ต่อสุขภาพจิต
1. ทำให้เกิดความเครียดสะสม
หากพฤติกรรมซ้ำ ๆ นั้นเกี่ยวข้องกับความเครียด เช่น
– คิดมากเกินไป (Overthinking)
– กัดเล็บหรอกัดริมฝีปากเวลาตึงเครียด
– ใช้โซเชียลมีเดียเป็นทางออกเมื่อรู้สึกเหงาหรือเบื่อ
พฤติกรรมเหล่านี้อาจกลายเป็นวงจรที่ทำให้เกิด ความเครียดสะสม เพราะสมองจะคุ้นเคยกับการตอบสนองแบบเดิมทุกครั้งที่รู้สึกกดดัน
ตัวอย่าง : การเช็กโซเชียลมีเดียทุกครั้งที่รู้สึกเครียด อาจดูเหมือนเป็นการผ่อนคลาย แต่จริง ๆ แล้วอาจทำให้เครียดมากขึ้นจากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
2. ลดความสามารถในการควบคุมอารมณ์
เมื่อเราทำพฤติกรรมซ้ำ ๆ ที่ไม่ดี เช่น
– โวยวายเมื่อหงุดหงิด
– คิดลบกับตัวเองเสมอ
– ใช้การกินอาหารหรือช้อปปิ้งเป็นวิธีระบายอารมณ์
สมองจะเรียนรู้ว่านี่คือ “วิธีจัดการอารมณ์” และทำให้เราตอบสนองต่อสถานการณ์ในแบบเดิม ๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งอาจทำให้เรา ขาดความยืดหยุ่นทางอารมณ์ (Emotional Flexibility) และส่งผลต่อความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
ตัวอย่าง : หากเราเคยระบายอารมณ์ด้วยการกินขนมหวานทุกครั้งที่เครียด สมองจะเรียนรู้ว่าขนมหวานคือทางออก ทำให้เลิกนิสัยนี้ได้ยาก
3. เสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล
พฤติกรรมซ้ำ ๆ บางอย่างอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะซึมเศร้าหรือวิตกกังวล เช่น
– การเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นตลอดเวลา
– การนอนดึกติดต่อกันจนร่างกายอ่อนล้า
– การคิดวนซ้ำเกี่ยวกับเรื่องแย่ ๆ ในอดีต
พฤติกรรมเหล่านี้อาจนำไปสู่
1. ภาวะวิตกกังวล (Anxiety) เพราะสมองจะจดจำว่าเราควร “กังวล” ตลอดเวลา
2.ภาวะซึมเศร้า (Depression) เพราะสมองเสริมสร้างแนวคิดเชิงลบซ้ำ ๆ
ตัวอย่าง : คนที่คิดมากเรื่องอนาคตตลอดเวลา อาจมีแนวโน้มเกิด “โรควิตกกังวลทั่วไป” (Generalized Anxiety Disorder – GAD) ซึ่งทำให้รู้สึกกระวนกระวายแม้ไม่มีเหตุผลชัดเจน
ตัวอย่าง 5 พฤติกรรมทำซ้ำที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพจิต
1. การกัดเล็บหรือดึงผมซ้ำ ๆ (Nail Biting / Hair Pulling)
เกี่ยวข้องกับ : ภาวะวิตกกังวล (Anxiety) หรือ โรคดึงผม (Trichotillomania)
พฤติกรรมที่สังเกตได้:
- กัดเล็บจนสั้นหรือเป็นแผล โดยเฉพาะเวลารู้สึกเครียด
- ดึงผมออกจากศีรษะหรือขนบริเวณอื่น ๆ จนเกิดเป็นจุดล้าน
- พฤติกรรมเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกหยุดไม่ได้
ผลกระทบ : พฤติกรรมนี้มักเป็นกลไกในการจัดการความเครียดหรือความวิตกกังวล แต่หากทำต่อเนื่องเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดปัญหาทางกายภาพ เช่น การติดเชื้อที่เล็บหรือผิวหนัง และอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง
2. การล้างมือบ่อยเกินไป หรือทำอะไรซ้ำ ๆ เพื่อให้รู้สึก “สบายใจ” (Compulsive Behavior)
เกี่ยวข้องกับ : โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder – OCD)
พฤติกรรมที่สังเกตได้:
- ล้างมือซ้ำ ๆ จนผิวแห้งแตก เพราะกลัวเชื้อโรคมากเกินไป
- เช็กสิ่งของซ้ำ ๆ เช่น ตรวจดูว่าล็อกประตูแล้วหรือยังหลายครั้ง
- ทำพฤติกรรมบางอย่างเป็นพิธีกรรม เช่น นับเลขหรือจัดวางของให้เป็นระเบียบแบบตายตัว
ผลกระทบ : แม้ว่าการรักความสะอาดหรือการเช็กความเรียบร้อยจะเป็นเรื่องปกติ แต่หากพฤติกรรมเหล่านี้รบกวนชีวิตประจำวัน ทำให้เสียเวลา หรือรู้สึกเครียดหากไม่ได้ทำ อาจเป็นสัญญาณของ OCD ที่ต้องได้รับการดูแล
3. การเลี่ยงสังคม หรืออยู่แต่ในที่เดิม ๆ (Social Withdrawal)
เกี่ยวข้องกับ : ภาวะซึมเศร้า (Depression) หรือ โรควิตกกังวลทางสังคม (Social Anxiety Disorder)
พฤติกรรมที่สังเกตได้:
- หลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน แม้แต่เพื่อนหรือครอบครัว
- ชอบอยู่คนเดียวตลอดเวลา รู้สึกหมดแรงเมื่อต้องเข้าสังคม
- หาข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เคยสนุกกับมันมาก่อน
ผลกระทบ : การแยกตัวออกจากสังคมเป็นหนึ่งในสัญญาณหลักของภาวะซึมเศร้า เพราะทำให้ขาดการสนับสนุนทางอารมณ์จากคนรอบข้าง ซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลง และอาจนำไปสู่ความรู้สึกโดดเดี่ยวหรือหมดหวังในระยะยาว
4. การกินอาหารมากเกินไปหรือน้อยเกินไป (Disordered Eating)
เกี่ยวข้องกับ : โรคการกินผิดปกติ (Eating Disorders) เช่น บูลิเมีย (Bulimia) หรือ อาการเบื่ออาหาร (Anorexia)
พฤติกรรมที่สังเกตได้:
- กินอาหารมากเกินไปจนรู้สึกผิด หรือควบคุมไม่ได้ (Binge Eating)
- ควบคุมอาหารอย่างเข้มงวดจนร่างกายขาดสารอาหาร
- อาเจียนหรือใช้ยาระบายหลังจากกินอาหารเพื่อไม่ให้น้ำหนักขึ้น
- มีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับน้ำหนักหรือรูปร่างของตัวเอง
ผลกระทบ : พฤติกรรมการกินที่ผิดปกติสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคขาดสารอาหาร หัวใจล้มเหลว หรือภาวะซึมเศร้า หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ตัวมีพฤติกรรมเหล่านี้ ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต
5 พฤติกรรมทำซ้ำ แล้วอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต
ในชีวิตประจำวัน เราทุกคนอาจมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำซ้ำ โดยไม่ทันได้สังเกตว่ามันอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นการเช็กโซเชียลมีเดียบ่อยเกินไป การคิดมากจนเกินไป หรือแม้แต่การผลัดวันประกันพรุ่ง พฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เรารู้สึกเครียดและวิตกกังวล แต่ยังอาจทำให้เราไม่สามารถมีประสิทธิภาพในการทำงานหรือใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ได้ การรับรู้และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น
1. การเช็กโซเชียลมีเดียบ่อยเกินไป
โซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนสำคัญของการสื่อสารในชีวิตประจำวัน แต่การใช้มันมากเกินไปสามารถทำให้เกิดผลเสียที่ไม่คาดคิดได้ การเช็กโซเชียลมีเดียบ่อย ๆ อาจทำให้เกิด ความวิตกกังวล จากการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกไม่พอใจในตัวเอง นอกจากนี้ยัง รบกวนสมาธิ ทำให้การทำงานหรือการเรียนไม่เต็มประสิทธิภาพ และ ส่งผลกระทบต่อการนอน หากเรามักใช้งานโซเชียลมีเดียก่อนนอน ส่งผลให้สมองไม่สามารถพักผ่อนอย่างเต็มที่
วิธีป้องกันและปรับปรุง :
- จำกัดเวลาการใช้งานโซเชียลมีเดียในแต่ละวัน
- ฝึกใช้โซเชียลมีเดียอย่างมีสติ เช่น ตั้งเวลาหยุดใช้งาน และเลือกติดตามเนื้อหาที่สร้างสรรค์
2. คิดมากหรือวิตกกังวลเกินไป
การคิดมาก (Overthinking) หรือการวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ มากเกินไปทำให้เกิด ความเครียด ที่ไม่จำเป็น และ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและทำให้ความสามารถในการตัดสินใจลดลง การคิดวนเวียนไปมาเกี่ยวกับปัญหาหรือสถานการณ์ในอดีตที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ จะทำให้เราเหนื่อยล้าและวิตกกังวลมากขึ้น
วิธีป้องกันและปรับปรุง :
- ฝึกการทำ สติ (Mindfulness) ซึ่งช่วยให้เราอยู่กับปัจจุบัน และลดการคิดฟุ้งซ่าน
- กำหนดเวลาพักความคิด: หากคิดมากเกินไป ให้หยุดพักและกลับมาทบทวนใหม่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม
3. การนอนดึกหรือนอนไม่พอ
การนอนดึกหรือนอนน้อยเกินไปมีผลกระทบต่อสมองและร่างกาย ส่งผลให้ ความสามารถในการโฟกัสลดลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะ เครียด หรือ ซึมเศร้า ได้ง่ายขึ้น การที่ร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอทำให้เราไม่มีพลังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และขาดความกระตือรือร้นในชีวิตประจำวัน
วิธีป้องกันและปรับปรุง :
- กำหนดเวลานอนที่แน่นอน และพยายามหลีกเลี่ยงการใช้หน้าจอก่อนนอน
- สร้างบรรยากาศในการนอนที่ผ่อนคลาย เช่น ลดแสงไฟ และหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
4. การผลัดวันประกันพรุ่ง (Procrastination)
การผลัดวันประกันพรุ่งเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อเราเจอการงานที่ดูเหมือนยากหรือไม่สนุก ซึ่งจะทำให้เราหลีกเลี่ยงการทำสิ่งนั้นจนเกิดความเครียดที่มากขึ้นในภายหลัง การปล่อยให้การทำงานค้างไว้นาน ๆ จะทำให้เราเกิดความรู้สึก ผิดหวัง และ กังวล ที่จะต้องทำมันในเวลาที่จำกัด
วิธีป้องกันและปรับปรุง :
- ใช้เทคนิค Pomodoro ซึ่งเป็นการแบ่งเวลาทำงานเป็นช่วงสั้น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
- จัดลำดับความสำคัญของงาน เพื่อให้รู้ว่าควรทำอะไรเป็นอันดับแรก
5. การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นลบ
สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคนที่มีพลังลบหรือสถานการณ์ที่ไม่ดีสามารถทำให้สุขภาพจิตของเราแย่ลงได้ การ อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเครียด หรือการคบหากับคนที่ไม่สนับสนุนเรา อาจทำให้รู้สึก หมดแรง และไม่สามารถเติบโตได้
วิธีป้องกันและปรับปรุง :
- เลือกคบหาคนที่ส่งเสริมพลังบวก และสร้างสภาพแวดล้อมที่ ปลอดภัยทางอารมณ์
- สร้างพื้นที่ส่วนตัวที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และไม่ถูกกระทบจากปัจจัยภายนอก
ทำไมต้องเลือก Mental Well Clinic
ที่ Mental Well Clinic เรามีบริการ Private Counseling ให้คำปรึกษาส่วนตัว ที่ช่วยให้คุณได้พูดคุยอย่างปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัว เพื่อแก้ไขปัญหาทางจิตใจ หากคุณกำลังเผชิญกับความเครียดที่เกิดจากพฤติกรรมทำซ้ำ ที่มีผลมาจากการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียด ความวิตกกังวลต่างๆ Mental Well Clinic ยินดีที่จะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและสมดุลอีกครั้ง
ติดต่อเรา วันนี้เพื่อเริ่มต้นการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตและค้นพบวิธีการใหม่ๆ ในการจัดการกับพฤติกรรมทำซ้ำๆ ที่เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ