จิตแพทย์ กับนักจิตวิทยา หลายๆคนก็คงสงสัย และคงมีความรู้สึกว่า เวลาจิตใจไม่ไหว อยากหาคนคุยด้วยสักคน แต่ไม่แน่ใจว่าจะไปหาใครดี? ระหว่างจิตแพทย์ กับนักจิตวิทยา สองคำนี้ดูคล้ายกันแต่ก็ให้ความรู้สึกต่างกันอย่างน่าประหลาด
บางคนกลัวคำว่าจิตแพทย์ เพราะรู้สึกว่าไปหาแล้วแปลว่าเราป่วย เป็นบ้า หรือแย่แล้วแน่ ๆ ในขณะที่อีกหลายคนก็ยังไม่แน่ใจว่า “นักจิตวิทยา” ช่วยอะไรได้บ้าง ต่างจากนักบำบัดไหม แล้วแบบไหนที่เหมาะกับเรา?
บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความต่างอย่างชัดเจนของสองบทบาทสำคัญในสายสุขภาพจิต พร้อมคำแนะนำง่าย ว่าเมื่อไหร่ควรพบจิตแพทย์และเมื่อไหร่ควรเริ่มต้นที่นักจิตวิทยา เพื่อให้คุณดูแลใจตัวเองได้อย่างถูกทาง
ทำความเข้าใจพื้นฐาน : ใครคือจิตแพทย์
จิตแพทย์ (Psychiatrist) คือแพทย์ที่จบการศึกษาด้านเวชศาสตร์ (แพทย์ทั่วไป) เหมือนกับหมอรักษาโรคทางกายทั่ว ๆ ไป แต่หลังจากจบแพทย์แล้ว จะต้องเข้ารับการอบรมเฉพาะทางต่อในด้าน “จิตเวชศาสตร์” อีกประมาณ 3-4 ปี เพื่อศึกษาลึกลงไปในเรื่องของอารมณ์ พฤติกรรม และความผิดปกติทางจิตใจ
ดังนั้นจิตแพทย์จึงเป็น “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง” ที่สามารถวินิจฉัยและรักษาโรคทางจิตเวชได้ เช่น
-
โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder)
-
โรควิตกกังวล (Anxiety Disorders)
-
โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder)
-
โรคแพนิค (Panic Disorder)
-
รวมถึงโรคจิตเภท (Schizophrenia) และภาวะผิดปกติทางจิตอื่น ๆ
นอกจากนี้ จิตแพทย์ยังมีอำนาจในการ สั่งจ่ายยา ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ สมอง และพฤติกรรม เช่น ยาต้านซึมเศร้า ยาคลายกังวล หรือยาปรับสารสื่อประสาทในสมอง
หน้าที่ของ จิตแพทย์
หน้าที่หลักของจิตแพทย์คือการดูแลสุขภาพจิตของผู้ป่วยโดยใช้ หลักการแพทย์ร่วมกับการเข้าใจจิตใจของมนุษย์ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นหลายด้าน เช่น
-
การวินิจฉัยอาการ
จิตแพทย์จะทำการซักประวัติ ฟังเรื่องราวชีวิต ความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของผู้ป่วย เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าอาการที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับภาวะทางจิตเวชประเภทใด -
การวางแผนการรักษา
หลังจากวินิจฉัยแล้ว จิตแพทย์จะเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมที่สุด เช่น การใช้ยาเพื่อปรับสมดุลเคมีในสมอง การให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา (บางกรณีอาจทำร่วมกับนักจิตวิทยา) การส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการบำบัดเพิ่มเติม เช่น การทำ CBT หรือการบำบัดด้วยศิลปะ ฯลฯ -
ติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง
สุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องที่หายทันที จิตแพทย์จึงมีหน้าที่ติดตามอาการ ดูผลข้างเคียงของยา และปรับการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของชีวิต
จิตแพทย์ ดูแลเรื่องไหนบ้าง?
หลายคนอาจเข้าใจว่าการไปหาจิตแพทย์ต้อง “ป่วยหนัก” เท่านั้นถึงจะไปได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว จิตแพทย์สามารถช่วยดูแลอาการทางจิตใจและพฤติกรรมได้หลากหลาย ตั้งแต่อาการเบา ๆ ไปจนถึงภาวะเรื้อรังหรือรุนแรง เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองดูตัวอย่างภาวะที่จิตแพทย์สามารถดูแลได้ดังนี้
ซึมเศร้าเรื้อรัง (Chronic Depression) เป็นภาวะที่รู้สึกหดหู่ หมดแรง เบื่อหน่ายชีวิตนานเกิน 2 สัปดาห์ และอาการไม่ดีขึ้น จิตแพทย์จะช่วยวินิจฉัยว่าใช่โรคซึมเศร้าหรือไม่ และรักษาด้วยยา + การบำบัดที่เหมาะสม
นอนไม่หลับรุนแรง (Severe Insomnia) หากนอนไม่หลับเป็นประจำจนส่งผลต่อสมาธิ อารมณ์ และคุณภาพชีวิต อาจมีสาเหตุจากความเครียด ภาวะซึมเศร้า หรือวิตกกังวล จิตแพทย์จะประเมินปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และให้การรักษาอย่างเป็นระบบได้มากขึ้น
โรคแพนิค (Panic Disorder) เป็นภาวะที่จู่ๆ ก็เกิดอาการตื่นตระหนกอย่างรุนแรง เช่น หายใจไม่ออก ใจสั่น ตัวสั่น เหงื่อแตก โดยจิตแพทย์สามารถวินิจฉัยและให้การรักษาด้วยยาเฉพาะร่วมกับการบำบัด เพื่อให้คนไข้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
วิตกกังวลที่กระทบต่อชีวิตประจำวัน (Generalized Anxiety Disorder) บางคนกังวลทุกเรื่อง กลัวสิ่งที่ยังไม่เกิดจนใช้ชีวิตได้ยาก จิตแพทย์จะช่วยประเมินว่าอาการเข้าข่ายโรควิตกกังวลหรือไม่ และแนะนำแนวทางการดูแลให้เหมาะกับแต่ละคน
โรคจิตเภท (Schizophrenia) เป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีความผิดปกติด้านความคิด การรับรู้ และอารมณ์ เช่น ได้ยินเสียงที่ไม่มีจริง จิตแพทย์มีบทบาทสำคัญในการให้การวินิจฉัยเร็วและรักษาด้วยยาต้านโรคจิต (Antipsychotics) รวมถึงติดตามอาการระยะยาว
ไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) ผู้ป่วยมีอารมณ์แปรปรวนเป็นช่วง ๆ บางช่วงอารมณ์ดีมากผิดปกติ (mania) หรือกระฉับกระเฉงจนควบคุมไม่ได้ การรักษาจำเป็นต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องและติดตามใกล้ชิดโดยจิตแพทย์
PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) เกิดจากการเผชิญเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น อุบัติเหตุ การถูกทำร้าย หรือภัยพิบัติ จิตแพทย์จะดูแลร่วมกับนักจิตวิทยาในการฟื้นฟูสภาพจิตใจ
แล้วนักจิตวิทยา ล่ะคือใคร?
นักจิตวิทยา (Psychologist) คือผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการศึกษาทางด้าน “จิตวิทยา” โดยตรง ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยพฤติกรรม ความคิด ความรู้สึก และการทำงานของจิตใจมนุษย์ นักจิตวิทยาส่วนใหญ่มักจบการศึกษาระดับ ปริญญาโทหรือปริญญาเอก และมีการฝึกอบรมเฉพาะทางเพิ่มเติมในด้านการให้คำปรึกษาและการดูแลสุขภาพจิต
นักจิตวิทยาทำหน้าที่อะไร?
นักจิตวิทยา โดยเฉพาะสายคลินิก (Clinical Psychologist) ทำหน้าที่หลัก คือ ฟังอย่างตั้งใจ วิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นระบบ และร่วมมือกับผู้รับบริการในการหาวิธีจัดการกับอารมณ์ ความคิด และพฤติกรรม
-
ให้คำปรึกษาแบบไม่ตัดสิน (non-judgmental listening) เพื่อให้ผู้รับคำปรึกษาได้ระบายความรู้สึก และรู้สึกว่ามีพื้นที่ปลอดภัย
-
ประเมินภาวะทางอารมณ์และพฤติกรรม ด้วยแบบสอบถามหรือการสนทนาเชิงลึก
-
ช่วยค้นหาสาเหตุของปัญหาที่แท้จริง เช่น ความเครียดเรื้อรัง ความสัมพันธ์ที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจ หรือความรู้สึกไม่มั่นคงในตัวเอง
-
ปรับพฤติกรรมและแนวคิด เช่น ใช้เทคนิค CBT (Cognitive Behavioral Therapy) เพื่อช่วยให้ผู้รับคำปรึกษาเปลี่ยนความคิดลบ ๆ ให้กลายเป็นความคิดที่สร้างสรรค์และเป็นจริงมากขึ้น
-
วางแผนแนวทางการดูแลตัวเองทางอารมณ์ เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายในชีวิตได้ดีขึ้นในระยะยาว
เหมาะสำหรับผู้ที่เผชิญปัญหาในชีวิตประจำวัน เช่น
-
ความเครียดสะสม
-
ความเหนื่อยล้าทางใจ
-
ความสัมพันธ์ที่มีปัญหา (เช่น กับคนรัก หรือครอบครัว)
-
ความรู้สึกหมดแรง หมดไฟในชีวิตหรือการทำงาน
-
ความรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่รู้เป้าหมายของชีวิต
สรุปความแตกต่างระหว่าง จิตแพทย์ และนักจิตวิทยา
ถ้าคุณยังไม่แน่ใจว่าอาการของตัวเอง “รุนแรง” หรือ “แค่เครียดสะสม” การเริ่มจากการพูดคุยกับ นักจิตวิทยาคลินิก อาจเป็นทางเลือกที่ดี เพราะนักจิตวิทยาจะช่วยประเมินสภาพจิตใจเบื้องต้น และหากพบว่าสภาพจิตใจจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์ ก็จะช่วยส่งต่อไปยัง จิตแพทย์ อย่างเหมาะสม
ในบางกรณี ทั้งจิตแพทย์และนักจิตวิทยาอาจทำงานร่วมกัน เช่น ผู้ป่วยบางคนอาจได้รับยาเพื่อจัดการกับสารเคมีในสมองจากจิตแพทย์ และเข้ารับคำปรึกษาเป็นรายสัปดาห์กับนักจิตวิทยา เพื่อเรียนรู้วิธีจัดการความเครียดและความคิดในระยะยาว
-
จิตแพทย์ คือ หมอที่ดูแลภาวะทางจิตใจที่รุนแรง และสามารถสั่งยาได้
-
นักจิตวิทยา คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตใจที่ให้คำปรึกษาโดยไม่ใช้ยา เหมาะกับคนที่ยังพอไหวแต่ต้องการใครสักคนรับฟังและช่วยให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น
การประเมินสุขภาพจิตเบื้องต้นที่ Mental Well Clinic
ที่ Mental Well Clinic เราพร้อมดูแลสุขภาพจิตใจของคนทุกช่วงวัยตั้งแต่ในครรภ์ จนถึงวัยสูงอายุ โดยมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เฉพาะสาขา และดูแลตรงประเด็น พร้อมที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับทุกคนทุกช่วงวัย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพใจ แพทย์ นักจิตบำบัด นักศิลปะบำบัด นักจิตวิทยาคลินิก นักจิตวิทยาพัฒนาการ คลินิกสุขภาพจิต
ทำไมต้องเลือก Mental Well Clinic
ที่ Mental Well Clinic เรามีบริการ Private Counseling ให้คำปรึกษาส่วนตัว ที่ช่วยให้คุณได้พูดคุยอย่างปลอดภัย และมีความเป็นส่วนตัว เพื่อแก้ไขปัญหาทางจิตใจ หากคุณกำลังเผชิญกับความเครียดที่เกิดจากวามวิตกกังวลต่างๆ Mental Well Clinic ยินดีที่จะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหาด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพ และช่วยให้คุณมีชีวิตที่มีความสุขและสมดุลอีกครั้ง
ติดต่อเรา วันนี้เพื่อเริ่มต้นการให้คำปรึกษาสุขภาพจิตและค้นพบวิธีการใหม่ๆ ที่เกิดผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคุณ